Page 10 - ผลของการจัดการธาตุอาหารพืชในดินต่อผลผลิตและคุณภาพของอ้อยที่ปลูกในดินด่าง Effects of plant nutrient management in calcareous soilon sugar cane yield and quality.
P. 10
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
8
อ้อยปลูก 10,351 ลำต่อไร่ อ้อยตอ1 11,287 ลำต่อไร่ ผลผลิตน้ำตาลในอ้อยปลูก 2.64 ตันซีซีเอสต่อ
ไร่ อ้อยตอ1 2.49 ตันซีซีเอสต่อไร่ ซีซีเอสในอ้อยปลูก 14.6 อ้อยตอ1 15.1
1.2.3 ลักษณะเด่น
ให้ผลผลิตสูง อ้อยปลูกมีน้ำหนักเฉลี่ย 18.1 ตันต่อไร่ และอ้อยตอ1 16.5
ตันต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 25 และ 28 ตามลำดับ ไม่ออกดอก ทำให้น้ำหนักและความ
หวานไม่ลดลง กาบใบหลวมเก็บเกี่ยวง่าย
2.ดินด่างหรือดินเนื้อปูน
ดินด่างหรือดินเนื้อปูน คือ ดินที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดที่เป็นด่าง มีแคลเซียมหรือแมกนีเซียม
คาร์บอเนตสูง เป็นตะกอนที่น้ำพัดพามาทับถม เช่น หินปูนมาร์ล ดินประเภทนี้จะมีประจุบวกที่เป็น
ด่างแลกเปลี่ยนได้สูง ปัญหาในการปลูกพืชในดินที่มีสภาพเป็นด่างจัดนั้น จะมีผลทำให้พืชแสดง
อาการขาดธาตุอาหารบางอย่างในสภาวะความเป็นด่างของดินจะทำให้พืชขาดธาตุเหล็ก และสังกะสี
ถ้าหากใส่ไนโตรเจนในรูปของยูเรียจะทำให้เปลี่ยนรูปสูญเสียระเหยไปเป็นก๊าช ในธาตุฟอสฟอรัสจะมี
ความเป็นประโยชน์ลดลง เนื่องจากถูกตรึงทำปฏิกิริยากับแคลเซียมเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำได้
ยาก นอกจากนี้สภาวะที่ดินมี pH สูง แคลเซียมจะไปแทนที่โพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดิน และ
ถูกชะละลายออกไป จึงอาจทำให้พืชมีปัญหาในการเจริญเติบโตเนื่องจากขาดธาตุอาหารดังกล่าว ซึ่ง
ในจังหวัดนครสวรรค์ ดินด่างหรือดินเนื้อปูนที่ใช้ทำการเกษตรส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มชุดดินที่ 52 ชุด
ดินตาคลีหรือกลุ่มชุดดินที่ 28 ขุดดินชัยบาดาล ซึ่งเกษตรกรจะปลูกอ้อย จากการประเมินกำลังผลิต
ของดินสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจจังหวัดนครสวรรค์ ได้ให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยอ้อยว่าควร ใช้ปุ๋ยสูตร
16-16-16 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ 1-2 ตันต่อไร่แบ่งใส่ ครึ่งหนึ่งหลังปลูก 1 เดือน
อีกครึ่งหนึ่งใส่หลังปลูก 3 เดือน ถ้ามีการให้น้ำ เพิ่มสูตร 46-0-0 อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่ ในครั้งที่ 2
(สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน, 2552)
เฉลียว (2533) กล่าวว่าการใช้ประโยชน์ข้อมูลดินในการวางแผนการผลิตของประเทศ
โดยเฉพาะการ ผลิตทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับพืชเศรษฐกิจ สามารถใช้ข้อมูลทางการสำรวจดิน
และการจำแนกดินเป็นฐานในการพิจารณาปริมาณการผลิตพืชเศรษฐกิจแต่ละชนิดได้ จากการ
วินิจฉัยความเหมาะสม และศักยภาพในการ ผลิตของดินจากแผนที่ดินว่าส่วนใดของประเทศจะ
เหมาะสมในการปลูกพืชเศรษฐกิจนั้นๆ และมีปริมาณเนื้อที่ มากน้อยเท่าใด เมื่อทราบความเหมาะสม
ของดินและปริมาณเนื้อที่แล้วก็สามารถประมาณผลผลิตได้ตามความ ต้องการของตลาดภายในและ
นอกประเทศ นอกจากนี้การศึกษาวิจัยที่มีการใช้ข้อมูลดินเป็นฐานในการวางแผน การศึกษาจะช่วย
ทำให้การถ่ายทอดความรู้หรือผลงานวิจัยไปสู่พื้นที่อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดค่าใช้จ่าย และ
เวลาในการทำการศึกษาวิจัยในปัญหาเดียวกันโดยไม่ทำการวิจัยซ้ำซ้อนอีก