Page 9 - ผลของการจัดการธาตุอาหารพืชในดินต่อผลผลิตและคุณภาพของอ้อยที่ปลูกในดินด่าง Effects of plant nutrient management in calcareous soilon sugar cane yield and quality.
P. 9
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
7
ขั้นแรก เป็นการเปลี่ยนพลังงานแสงแดดซึ่งเป็นพลังงานทีไม่สามารถเก็บได้โดยตรงให้มาอยู่
ในรูปสารเคมีที่ให้พลังงานสูง คือ NAKPH (nicotinamide adenine dinucleotide phosphate)
และ ATP (adenosine-5-triphosphate) ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นในขณะที่มีแสงเท่านั้น จึงเรียกว่า
ปฏิกิริยาต้อง การแสงหรือ “light reaction”
ขั้นที่สอง เป็นการนำพลังงานที่ได้จากขั้นแรกมาใช้ในการตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
จะถูกเปลี่ยนเป็นสารประกอบหลายอย่างด้วยการช่วยเหลือของเอนไซม์ (enzyme) หลายชนิดซึ่งทำ
หน้าที่โดยเฉพาะเจาะจงจนกระทั่งได้เป็นน้ำตาล ปฏิกิริยานี้ไม่ต้องใช้แสง จึงเรียกว่า ปฏิกิริยาไม่
ต้องการแสง หรือ “dark reaction” (กรมส่งเสริมเกษตร, 2551)
1.2 อ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3
เป็นผลงานการปรับปรุงพันธุ์อ้อยของนักวิจัยของศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น
วัตถุประสงค์ของการปรับปรุงพันธุ์ เพื่อสร้างอ้อยพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ไม่น้อย
กว่าร้อยละ 5 มีค่าความหวานมากกว่า 12 ซีซีเอส และเหมาะที่จะใช้ปลูกในสภาพแวดล้อมของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และสภาพพื้นที่ดอนในพื้นที่ต่างๆ
1.2.1 ประวัติการปรับปรุงพันธุ์
ได้จากคู่ผสมระหว่างอ้อยโคลน 85-2-352 กับพันธุ์ K84-200 โดยการผสม
ข้ามพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ในปี พ.ศ.2537 ทำการเพาะเมล็ดและคัดเลือกครั้งที่ 1 (ลูกอ้อย)
ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรีในปี พ.ศ.2538-2539 คัดเลือกครั้งที่ 2 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่นในปี
พ.ศ.2540 คัดเลือกครั้งที่ 3 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่นในปี พ.ศ.2541-2542 เปรียบเทียบพันธุ์
เบื้องต้นที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่นในปี พ.ศ.2544-2545 เปรียบเทียบมาตรฐานที่ศูนย์วิจัยพืชไร่
ขอนแก่น และศูนย์วิจัยพืชไร่กาฬสินธุ์ ในปี พ.ศ.2545-2547 เปรียบเทียบและทดสอบในไร่เกษตรกร
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ และ
นครราชสีมา ในปี พ.ศ.2547-2548 พบว่า มีผลผลิตสูงและสามารถปรับตัวได้ดีกับเขตใช้น้ำฝนของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำการคัดเลือกและประเมินพันธุ์ตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ ตั้งแต่ปี
พ.ศ.2537-2551 รวมระยะเวลาการวิจัย 15 ปี
1.2.2 ลักษณะทั่วไปของอ้อยพันธุ์ขอนแก่น3
กอตั้งตรง กาบใบหลวม มี 6-12 หน่อต่อกอ ความยาวปล้องน้อยกว่า 10
เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางลำ 2.72 เซนติเมตร มีไขปานกลางสีเหลืองเหลือบเขียวเมื่อไม่ต้องแสง
และสีม่วงเหลือบเหลืองถึงน้ำตาล เมื่อต้องแสง ตารูปไข่ ใบมีลักษณะปลายโค้ง มีกลุ่มขนที่ขอบใบ
ส่วนโคน ลิ้นใบเป็นแถบ ตรงกลางพองออก ปลายเรียวทั้ง 2 ข้าง หูใบด้านนอกรูปสามเหลี่ยม หูใบ
ด้านในรูปใบหอกสั้น คอใบรูปสามเหลี่ยม ชายธงปลายคด ขนที่กาบใบน้อย จำนวนลำเก็บเกี่ยวใน