Page 8 - ผลของการใช้ระบบน้ำหยดต่อผลผลิตและคุณภาพของอ้อยในดินด่างจังหวัดนครสวรรค์ Effects of drip irrigation on sugarcane yield and qualityon calcareous soil in Nakhonsawan province
P. 8

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน











                       ปล้องตรง ป่อง หรือคอด และการต่อของปล้องมีหลายแบบ บางพันธุ์ซิกแซก บางพันธุ์เป็นลำตรง
                       ตลอด ลักษณะ เช่นนี้เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบพันธุ์อ้อยได้ที่ข้อจะมีวงโดยรอบ มีทั้งเรียงเป็น
                       ระเบียบหรือเรียงสลับ เรียกว่า วงราก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของรากเมื่อนำไปปลูก ในหนึ่งปล้องมี 1 ตา

                       หรือบางปล้องก็ไม่มีตา ตามีลักษณะแตกต่างกันหลายแบบ เช่น สามเหลี่ยม ยอดแหลม รูปไข่ ห้า
                       เหลี่ยม ขนมเปียกปูนกลมหรือสี่เหลี่ยม ลักษณะตานี้จะแตกต่างกันอีก เช่น อาจจะบวม แฟบ หรือ
                       แบนเรียบแตกต่างกันตามพันธุ์ ปล้องอ้อยแต่ละปล้องจะมีกาบใบ หุ้มตรงรอยต่อ ภายในกับปล้อง

                       เมื่อใบแห้งและร่วงจะสังเกตเห็นรอยกาบใบเป็นเยื่อแห้งๆรอบปล้องสามารถ ใช้บอกลักษณะพันธุ์
                       อ้อยได้
                                     1.1.4 กาบใบและใบ ใบอ้อยมีลักษณะคล้ายใบข้าว แต่มีขนาดใหญ่และยาว
                       มากกว่า ใบประกอบด้วย 2 ส่วน คือ กาบใบและแผ่นใบ กาบใบ คือ ส่วนที่ติดและโอบรอบลำต้น

                       ทางด้าน ที่มีตา การโอบรอบลำต้นของกาบใบจะสลับข้างกัน เช่น ใบหนึ่งขวาทับซ้ายใบถัดขึ้นไปซ้าย
                       จะทับขวา ฐานกาบใบกว้างที่สุดแล้วเรียวลงสู่ปลายแผ่นใบ ได้แก่ ส่วนที่อยู่ต่อจากกาบใบขึ้นไปทั้ง
                       สองส่วนแยกจากกันตรงรอยต่อ ด้านในของรอยต่อนี้จะมีส่วนยื่นเป็นเยื่อบาง ๆ รูปร่างคล้ายกระจับ
                       เรียกว่า ลิ้นใบ ที่ส่วนปลายของกาบใบจะมีความกว้างมากกว่าฐานของแผ่นใบจึงทำให้มีส่วนเกิน ซึ่ง

                       มักจะยื่นขึ้นไปข้างบน เรียกว่า หูใบ ซึ่งอาจจะมีทั้งสองข้าง ข้างเดียวหรือไม่มีเลยก็ได้ ในกรณีที่มีข้าง
                       เดียวมักจะอยู่ด้านในเสมอ ลักษณะและรูปร่างของลิ้นใบและหูใบแตกต่างกันตามพันธุ์ กาบใบ
                       ส่วนมากมักมีสีแตกต่างจากตัวใบ เช่น สีเขียวอ่อน หรือเขียวอมม่วง เป็นต้น ที่หลังกาบใบอาจมีขน
                       และมีไขเกาะ ความยาวของใบอ้อยจะมีขนาดต่างๆกัน โดยทั่วไปประมาณ 1 เมตร ความกว้างที่สุด

                       ประมาณ 10 เซนติเมตร ใบอ้อย 1 ใบ จะมีเนื้อที่ประมาณ 0.05 ตารางเมตร อ้อย 1 ลำมี 10 ใบ จะ
                       เป็นเนื้อที่ 0.5 ตารางเมตร ถ้าปลูกปกติ 1 ไร่ มี 12,000 ลำ โดยเฉลี่ยอ้อย 1 ไร่จะมีเนื้อที่ใบรับแสง
                       สว่างได้ 6,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 4 เท่าของพื้นที่ดิน 1 ไร่

                                     1.1.5 ดอกและการออกดอก
                                            1) ดอกอ้อยมีลักษณะเป็นพู่ มีรูปแบบเป็นแบบฉบับของแต่ละพันธุ์ไม่
                       เหมือนกัน สีของช่อดอกก็มี สีต่างๆกัน ตั้งแต่ขาวจนกระทั่งน้ำเงินหรือม่วง ในแง่การค้าไม่นิยมปลูก
                       อ้อยที่ออกดอก เนื่องจากอ้อยที่ออกดอกแสดงว่าอ้อยนั้นหยุดการเจริญทางด้านเยื่อแล้ว และน้ำตาล
                       ที่สะสมอยู่ในลำต้นได้ถูกนำไปใช้สร้างช่อดอกบ้าง ความหวานจึงลดลงบ้างเล็กน้อย

                                            2) ในช่อหนึ่งๆ จะมีดอกอ้อยเล็กๆ เป็นจำนวนนับแสนดอก ดอกอ้อยมี
                       ขนาดเล็กมากเกิดเป็นคู่ๆในแต่ละคู่นี้ดอกหนึ่งจะมีก้าน (pedicelled หรือ stalked-spikelet) ส่วน
                       อีกดอกหนึ่งไม่มีก้าน (sessil-spikelet) ที่รอบฐานของแต่ละดอกมีขนยาวสีขาวคล้ายไหมจำนวนมาก

                       เรียกว่า บริสเทิล หรือ คัลลัสแฮร์ (bristle หรือ callus hair) ก่อนดอกบานขนเหล่านี้จะแนบอยู่กับ
                       ตัวดอก เมื่อดอกบานก็จะ กางออกโดยรอบเป็นรัศมีทำให้ดูคล้ายทำด้วยไหมทั้งช่อ แต่ละดอกมีกลีบ
                       ดอก 3 กลีบเรียงจากข้างนอกเข้าไป เรียกว่า กาบนอก (outer glume) กาบใน (inner glume)
                       และสเตอรายล์เลมมา (sterile lemma) หรือกาบที่สาม (third glume) ภายในดอกอ้อยแต่ละดอก

                       ประกอบด้วย รังไข่ ซึ่งมีช่อชูเกสรตัวเมีย 2 ช่อ กะเปาะเกสรตัวผู้ 3 อัน
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13