Page 21 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผักในพื้นที่โครงการหลวง
P. 21
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
11
ในโรงเรือนของนายชาคริตต้องใช้ปุ๋ยในอัตรา 20-5-5 กิโลกรัม N-P O -K O ต่อไร่ การใส่ปุ๋ย
2 5 2
ครั้งที่ 1 หลังย้ายกล้า 7 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 33.33 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยสูตร 46-0-0
อัตรา 10.87 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 หลังย้ายกล้า 15 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 21.75
กิโลกรัมต่อไร่
5) ดูแลรักษาแปลงโดยมีการให้น้ าด้วยระบบน้ าหยดในโรงเรือนของศูนย์พัฒนา
โครงการหลวงทุ่งหลวงและให้น้ าด้วยระบบสปริงเกอร์ในแปลงของเกษตรกรทั้ง 2 แปลง รวมทั้งด าเนินการ
ป้องกันก าจัดวัชพืชและก าจัดศัตรูพืช
6) ท าการสุ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตภายหลังการย้ายกล้าปลูกได้ 30 วัน โดยใช้พื้นที่เก็บ
เกี่ยว 7 จุดต่อต ารับการทดลองและแต่ละจุดมีพื้นที่เก็บเกี่ยว 1 ตารางเมตร
2.3 การเก็บข้อมูล
2.3.1 การเก็บข้อมูลดิน
ท าการสุ่มเก็บตัวอย่างดินในแปลงทดลองก่อนท าการปลูกผักกาดหวาน โดยในปี พ.ศ. 2556 และ
พ.ศ. 2557 น าตัวอย่างดินที่เก็บได้ไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์สมบัติทางเคมีดิน ได้แก่ ค่า
ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) ดินต่อน้ า 1:1 (โดยปริมาตร) ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (organic
matter) ใช้วิธีของ Walkley and Black 1947 ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน (Available
Phosphorus) โดยวิธีการ Bray II (Bray and Kurtz, 1945) ปริมาณโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้
(Exchangeable Potassium) โดยวิธีใช้น้ ายาสกัดแอมโมเนียมอะซิเตรท (NH OAc) (ส านัก
4
นักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน, 2547)
ส าหรับในปี พ.ศ. 2558 น าตัวอย่างดินที่เก็บได้ไปวิเคราะห์ด้วยชุดตรวจดินภาคสนามของกรม
พัฒนาที่ดิน (LDD Test kit)
2.3.2 การเก็บข้อมูลด้านพืช
ท าการเก็บข้อมูลด้านน้ าหนักสดของส่วนเหนือดินทั้งหมด น้ าหนักสดผักหลังตัดแต่ง และเศษผัก
สุ่มตัวอย่างผักสดหลังการตัดแต่งและเศษผักเพื่อน าไปอบแห้งแล้วน าไปวิเคราะห์หาความเข้มข้นของ
ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมในตัวอย่างผักหลังการตัดแต่งและเศษผัก จากนั้นจึงน าไป
ค านวณหา ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมที่สะสมในผักหลังการตัดแต่ง เศษผักและส่วนที่เหนือดิน
ทั้งหมดโดยใช้สูตรในการค านวณ ดังนี้
ปริมาณ N หรือ P หรือ K ที่สะสมในผัก (กก./ไร่) = %N หรือ %P หรือ %K x น้ าหนักแห้ง (กก./ไร่)
100