Page 17 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผักในพื้นที่โครงการหลวง
P. 17

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน





                                                                                                         7


                                    4)  การใส่ปุ๋ยโดยค านวณปริมาณการใส่ปุ๋ยตามต ารับการทดลองที่ก าหนดไว้ ดังนี้
                          ต ารับที่ 1  ควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ยทุกชนิด)

                          ต ารับที่ 2  ใส่ปุ๋ยตามวิธีการและอัตราที่เกษตรกรเคยปฏิบัติ โดยเป็นอัตราที่เกษตรกร
                   โดยทั่วไปนิยมใช้ในการปลูกผักกาดหวานซึ่งการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 หลังย้ายกล้า 7 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-0-0
                   อัตรา 512 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 หลังย้ายกล้า 15 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15  อัตรา  512
                   กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นอัตราปุ๋ยที่ใช้ทั้งหมด153.6-76.80-76.80  กิโลกรัม N-P O -K O  ต่อไร่ โดยจะ
                                                                                      2 5 2
                   เป็นอัตราที่ใช้ในการทดลองทั้งในปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557

                          ต ารับที่ 3  ใส่ปุ๋ยตามค าแนะน าจากคู่มือการปลูกผักบนพื้นที่สูงของส านักงานพัฒนาเกษตรที่
                   สูงซึ่งการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 หลังย้ายกล้า 7 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่และปุ๋ยสูตร 15-
                   15-15 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 หลังย้ายกล้า 15 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา

                   177.8 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นอัตราปุ๋ยที่ใช้ทั้งหมด 38.36-26.86-41.09 กิโลกรัม N-P O -K O ต่อไร่
                                                                                             2 5 2
                   โดยจะเป็นอัตราที่ใช้ในการทดลองทั้งในปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557
                          ต ารับที่ 4  ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนจากปริมาณ ไนโตรเจนจากค่าวิเคราะห์
                   อินทรียวัตถุ ปริมาณไนโตรเจนที่ปลดปล่อยจากอินทรียวัตถุตลอดช่วงเวลาของการเพาะปลูก ความ

                   ต้องการไนโตรเจนของผักกาดหวานเมื่อให้ผลผลิตในระดับที่คาดหวัง โดยถือว่าพืชมีประสิทธิภาพใน
                   การดูดใช้ไนโตรเจนจากปุ๋ยไนโตรเจนที่ใส่ลงไปในดิน 50  เปอร์เซ็นต์ ส่วนการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและ
                   โปแตสเซียมประเมินจากปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ของดินซึ่ง
                   ได้จากค่าวิเคราะห์ดินในช่วงก่อนการเพาะปลูก โดยจะใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมถ้าค่าวิเคราะห์

                   ดินต่ ากว่าค่าวิกฤตในปริมาณที่ท าให้ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดิน
                   เพิ่มขึ้นจนถึงจุดค่าวิกฤตโดยปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์มีค่าวิกฤตเท่ากับ 10 มิลลิกรัมต่อ
                   กิโลกรัม และโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้มีค่าวิกฤตเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
                          การประเมินการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนส าหรับการทดลองในต ารับนี้สามารถค านวณได้จากผล

                   วิเคราะห์ดินก่อนปลูกผักกาดหวานในปี พ.ศ. 2556 มีปริมาณอินทรียวัตถุเท่ากับ 4.57 เปอร์เซ็นต์ ดัง
                   แสดงไว้ในตารางที่  1 และจากความต้องการไนโตรเจนของผักกาดหวานเมื่อให้ผลผลิตในระดับที่
                   คาดหวัง คือ 5,333 กิโลกรัมต่อไร่ มีไนโตรเจนในผลผลิต 10.90 กิโลกรัมต่อไร่ ฟอสฟอรัส 2.41

                   กิโลกรัมต่อไร่ และโปแตสเซียม 16.9  กิโลกรัมต่อไร่ (ปวีณา, 2551) และสามารถประเมินปริมาณ
                   ไนโตรเจนที่ปลดปล่อยจากอินทรียวัตถุในดินโดยใช้ตารางภาคผนวกที่ 2 ซึ่งข้อมูลจากตารางดังกล่าว
                   เป็นข้อมูลที่ได้ปริมาณไนโตรเจนในช่วง 120 วัน แต่ผักกาดหวานใช้เวลาปลูกและเก็บเกี่ยวเพียง 28-
                   30  วัน ดังนั้นปริมาณไนโตรเจนที่ได้จากตารางดังกล่าวจะต้องหารด้วย 4 ก่อนเพื่อให้ได้ปริมาณ
                   ไนโตรเจนที่ปลดปล่อยจากอินทรียวัตถุในดินในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จากนั้นจึงน ามาเทียบกับ

                   ปริมาณไนโตรเจนในผลผลิตในระดับที่คาดหวังก็จะได้ปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนที่ต้องใส่
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22