Page 13 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผักในพื้นที่โครงการหลวง
P. 13
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
3
ชนิดต่าง ๆ สังเกตความเข้มของสีที่เกิดขึ้น ระดับการวิเคราะห์ของฟอสฟอรัส มี 5 ระดับ ได้แก่ ต่ ามาก ต่ า
ปานกลาง สูง และสูงมาก การตรวจวัดปริมาณโปแตสเซียม ใช้หลักการสกัดสารละลายตัวอย่างดิน แล้ว
หยดน้ ายาชนิดต่าง ๆ สังเกตปริมาณตะกอนที่เกิดขึ้น ระดับการวิเคราะห์ของโปแตสเซียม มี 5 ระดับ
ได้แก่ ต่ ามาก ต่ า ปานกลาง สูงและสูงมาก การตรวจวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างในตัวอย่างดินใช้
หลักการเทียบสีของอินดิเคเตอร์ผสมโดยเปรียบเทียบกับแผ่นเทียบสีมาตรฐาน ระดับค่าความเป็นกรดเป็น
ด่างที่สามารถวัดได้อยู่ในช่วง 3.0-8.5 (ส านักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน, 2558)
จากการศึกษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินและการจัดการปุ๋ยเคมีอย่างเหมาะสมในการปลูก
ผักบนพื้นที่สูง พบว่า ส าหรับดินบนพื้นที่สูงที่ใช้ปลูกผักส่วนใหญ่มีความเป็นกรดจัด (pH อยู่ในช่วง 3.8-
5.4) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และปริมาณโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้อยู่ในระดับสูงมาก (>100
มิลลิกรัม P ต่อกิโลกรัมและ > 300 มิลลิกรัม K ต่อกิโลกรัม) และจากการทดลองการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่า
วิเคราะห์ดินเปรียบเทียบกับการใส่ปุ๋ยเคมีแบบต่าง ๆ พบว่า วิธีการใส่ปุ๋ยในอัตราที่ได้จากการประเมิน
ปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินร่วมกับปริมาณธาตุอาหารที่สะสมอยู่ในผลผลิตผักให้ผลผลิตไม่แตกต่างจาก
วิธีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม ตามอัตราของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงต่าง ๆ ที่ได้
ท าการทดลองและอัตราเกษตรกร แต่วิธีการใส่ปุ๋ยดังกล่าวสามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ถึง 63-95
เปอร์เซ็นต์ (ปวีณา, 2551) โดย Deenik et al. (2006) ได้ศึกษาการจัดการปุ๋ยฟอสฟอรัสส าหรับการ
ปลูกกะหล่ าปลี โดยดินที่ปลูกมีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ใน
ระดับสูง พบว่า การใส่ปุ๋ยที่มีปริมาณ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมแตกต่างกันไม่ท าให้ปริมาณ
ผลผลิตน้ าหนักสดของกะหล่ าปลีแตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับ Ontario Ministry of Agriculture Food
and Rural Affairs (2006) รายงานว่า ในดินที่มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 61 มิลลิกรัมต่อ
กิโลกรัมหรือมากกว่า ผักสลัดจะไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสที่เพิ่มเติมลงไป ส าหรับดินที่มี
ปริมาณโปแตสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ 181 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมหรือสูงกว่า ผักสลัดก็จะไม่
ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยโปแตสเซียมเช่นเดียวกัน ทั้งนี้งบดุลธาตุอาหารบางส่วนจะผันแปรไปตามชนิดของ
ผักที่ปลูก หากปริมาณธาตุอาหารหลักที่ใส่ลงไปในดินและปุ๋ยมีมากกว่าปริมาณธาตุอาหารหลักที่พืชขน
ย้ายออกจากดินในรูปของผลผลิตถือว่ามีงบดุลของธาตุอาหารเป็นบวก แต่ถ้าปริมาณธาตุอาหารในผลผลิต
สูงกว่าที่มีอยู่ในดินและปุ๋ยถือว่ามีงบดุลธาตุอาหารเป็นลบ (เนตรดาว, 2547)