Page 10 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ยในการปลูกผักในพื้นที่โครงการหลวง
P. 10

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน










                       วิกฤตเท่ากับ 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมและโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้มีค่าวิกฤตเท่ากับ 100
                       มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ต ารับที่ 5  ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนจากความต้องการไนโตรเจนของ
                       ผักกาดหวานเมื่อให้ผลผลิตในระดับที่คาดหวังและชดเชยไนโตรเจนที่สูญเสียไปกับการชะล้าง 30
                       เปอร์เซ็นต์ของปริมาณไนโตรเจนที่พืชต้องการ ส าหรับการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมพิจารณา

                       จากค่าวิเคราะห์ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ของดินก่อนปลูก
                       ร่วมกับความต้องการฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมของผักกาดหวานเมื่อให้ผลผลิตในระดับที่คาดหวัง
                       และใส่ชดเชยธาตุฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมที่สูญเสียไปกับการชะล้างของดิน 30  เปอร์เซ็นต์ของ
                       ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมที่พืชต้องการ โดยจะใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมหากค่าวิเคราะห์

                       ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ต่ ากว่าปริมาณฟอสฟอรัสและ
                       โปแตสเซียมที่พืชต้องการรวมกับฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมที่ต้องชดเชย และต ารับที่ 6  ประเมิน
                       อัตราการใส่ปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินตามค าแนะน าของผักกินใบของกรมวิชาการเกษตร  ส าหรับการ
                       ทดลองในปี พ.ศ. 2558 เป็นการทดลองแบบสังเกตุการ จ านวน 2 ต ารับการทดลอง ได้แก่ ต ารับที่ 1

                       ใส่ปุ๋ยตามวิธีการและอัตราที่เกษตรกรเคยปฏิบัติและต ารับที่ 2  ประเมินอัตราการใส่ปุ๋ยจากค่า
                       วิเคราะห์ดินตามค าแนะน าของผักกินใบของกรมวิชาการเกษตร โดยใช้ข้อมูลจากผลการวิเคราะห์ดิน
                       ด้วยชุดตรวจดินภาคสนามของกรมพัฒนาที่ดิน (LDD Test Kit) ผลจากการทดลองพบว่าแนวทางที่

                       เหมาะสมในการให้ค าแนะน าอัตราปุ๋ยที่ใส่คือ การใช้ผลวิเคราะห์ดินก่อนปลูกพืชร่วมกับค าแนะน าใน
                       การใช้ปุ๋ยของกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเอาไว้แล้วซึ่งจะท าให้
                       เกษตรกรใช้ปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันการวิเคราะห์ด้วยชุดตรวจสอบดิน
                       ภาคสนามของกรมพัฒนาที่ดิน (LDD Test Kit) สามารถใช้วิเคราะห์ดินและให้ค่าวิเคราะห์ความเป็น
                       กรดเป็นด่าง (pH) ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์  (Available  P) และ โปแตสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้

                       (Exchangeable  K)  ที่มีความแม่นย าในระดับที่น่าพอใจเพียงพอส าหรับการประเมินอัตราการใส่ปุ๋ย
                       ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมตามค าแนะน าของกรมวิชาการเกษตร แต่การวิเคราะห์ค่าอินทรียวัตถุยังมี
                       ความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง แต่สามารถน าผลวิเคราะห์ดินที่ได้ไปใช้ในการประเมินหาอัตราปุ๋ยเคมีได้

                       ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตในเรื่องของค่าปุ๋ยได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกษตรกรได้รับ
                       ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจดีขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ลดลงกว่าการใส่ปุ๋ยตามที่เคยปฏิบัติมาซึ่ง
                       ส่วนใหญ่มักจะไม่มีหลักเกณฑ์ในการใส่ปุ๋ยและใช้ปุ๋ยในปริมาณมาก
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15