Page 61 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่ม บ้านนาหมัน หมู่ที่ 4 ตำบลแม่จริม อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน
P. 61
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
48
การจัดการพื้นที่ได๎ถูกต๎อง การหาอัตราการซึมน้้าผํานผิวดินเป็นงานที่งํายในทางทฤษฎี แตํเป็นงาน
ยากที่จะท้าได๎อยํางถูกต๎อง เพราะมักจะมีข๎อผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอ อาจจะเกิดจากวิธีการไมํเหมาะสม
คนด้าเนินงานไมํมีความละเอียดเพียงพอ วิธีการที่นิยมหาน้้าซึมผํานผิวหน๎าดินมีหลายวิธี ดังนี้
1) เครื่องอินฟิลโตรมิเตอร๑ (infiltrometer) เป็นเครื่องวัดการซึมน้้าผํานผิวดินที่
สร๎างขึ้นเอง เป็นเครื่องมือที่นักอุทกวิทยาได๎ประดิษฐ๑ขึ้น เพื่อจะหาสมรรถนะการซึมน้้าผํานผิวดิน
โดยมากใช๎กับพื้นที่ในลักษณะตําง ๆ กัน และมีขนาดเล็ก ซึ่งจะค้านึงถึงการใช๎ประโยชน๑ที่ดินลักษณะ
พืชคุลมดินแตกตํางกัน และลักษณะที่จะใช๎กับพื้นที่ที่ต๎องการให๎มีการเปรียบเทียบความแตกตํางของ
ปริมาณการซึมน้้าผํานผิวหน๎าดินจากลักษณะภูมิประเทศแตกตํางกันไป ใช๎วิธีการนี้หาปริมาณของ
อัตราการซึมน้้าผํานผิวหน๎าดินโดยตรง โดยมีหลักการในการหาในด๎านคําประมาณมากกวําจะได๎คําที่
แท๎จริง ขนาดของอินฟิลโตรมิเตอร๑ที่ใช๎ก็มีแตกตํางกันไปตามลักษณะของ sample plot อยํางไรก็
ตาม ในการจะหาอัตราการซึมน้้าผํานผิวดิน จะต๎องอยูํในสมมติฐาน 3 ประเด็น คือ (1) น้้าหรือฝนที่ใช๎
เพื่อการหาอัตราการซึมน้้าผํานผิวดินนั้น ต๎องไมํมีอิทธิพลตํอการตกกระทบเลย (2) ในขณะที่
กระบวนการซึมน้้าผํานผิวดินด้าเนินอยูํนั้น อากาศที่ขังอยูํในดิน หรือ entrapped air จะไมํมีผลตํอ
อัตราการซึมของน้้าแตํอยํางใด และ (3) เนื่องจากการท้าอินฟิลโตรมิเตอร๑ต๎องสร๎างกับดิน ดินจึง
อาจจะถูกรบกวนอยํางไมํต๎องสงสัย ดังนั้น จึงให๎มีการรบกวนผิวดินได๎บ๎าง แตํต๎องไมํมากเกินไป ทั้ง 3
ประเด็นนี้เป็นสมมติฐานที่ผู๎ด้าเนินการหาอัตราการซึมผํานผิวดินต๎องตระหนักเอาไว๎เสมอ ส้าหรับอิน
ฟิลโตรมิเตอร๑ที่นิยมใช๎กันอยูํทั่วไปมี 2 ลักษณะ คือ
(1) อินฟิลโตรมิเตอร๑แบบน้้าเหนือผิวดิน (Flooding type) เป็นวิธีการที่ใช๎
กันมานานแล๎ว และเป็นวิธีการที่งําย โดยการฝังอินฟิลโตรมิเตอร๑ลงในดิน แล๎วเติมน้้าให๎สูงจากผิวหน๎า
ดิน ต๎องพยายามรักษาระดับน้้าเหนือผิวดินให๎คงที่เสมอ รูปรํางของอินฟิลโตรมิเตอร๑แบบนี้มักเป็นรูป
กระบอก อาจจะมีหนึ่งหรือสองชั้นก็ได๎
- อินฟิลโตรมิเตอร๑แบบวงแหวน (Ring infiltrometer) มีลักษณะ
ประกอบด๎วยวงแหวนสองวง การสร๎างในลักษณะนี้ วงแหวนด๎านใน ซึ่งใช๎ในการหาอัตราการซึมน้้า
ผํานผิวดิน แตํถ๎ามีวงแหวนด๎านในเพียงวงเดียว น้้าที่ซึมลงดินจึงอาจแผํขยายออกสูํดินข๎างนอกได๎ จึง
ได๎วงแหวนด๎านนอก ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อคอยป้องกันไมํให๎น้้าจากวงแหวนด๎านใน ซึมออกทาง
ด๎านข๎าง เพราะในการหาการซึมน้้าผํานผิวดินโดยวงแหวนด๎านในนั้น ต๎องใสํน้้าลงในชํองวํางระหวําง
วงแหวนด๎านนอกด๎วย แตํไมํต๎องรักษาระดับน้้าให๎คงที่เหมือนเชํนในระดับวงแหวนด๎านใน ส้าหรับ
เส๎นผําศูนย๑กลางของวงแหวนด๎านใน ประมาณ 9-36 นิ้ว ความลึกไมํได๎ก้าหนดตายตัว แตํควรให๎ลึก
พอประมาณ ถ๎าตื้นเกินไปก็อาจมีผลตํอการซึมน้้าทางด๎านข๎างได๎ ถ๎าลึกเกินไปก็อาจท้าได๎ยาก เพราะ
เวลาตอกแหวนลงสูํดินตอนลํางอาจพบรากไม๎หรือก๎อนหิน และบางแหํงดินแข็งเกินกวําที่จะท้าได๎
โดยทั่วไปไมํควรฝังวงแหวนให๎ลึกเกินหนึ่งฟุต วิธีการค้านวณหาการซึมน้้าผํานผิวดินอาจท้าได๎ โดย
พยายามจับเวลาที่สัมพันธ๑กับปริมาณน้้าที่ซึมลงดินจนกระทั่งได๎อัตราคงที่ก็จะเป็นคําของ f ตามที่
c