Page 44 - ผลสำเร็จของการดำเนินงาน โครงการเขตพัฒนาที่ดินพื้นที่ลุ่มน้ำคลองรับร่อ บ้านจันทึง หมู่ที่ 5 ตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
P. 44
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
30
ความเร็วของลมและลักษณะการเคลื่อนที่ของลม การปลูกพืชก าบังลม สามารถท าได้หลายแนวและหลาย
ทิศทางควรระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับพืชหลัก
(4) การใช้วัสดุคลุมดิน (Mulching) หมายถึง การคลุมดินด้วยวัตถุต่างๆเช่น พลาสติก กระดาษ
เศษเหลือของพืช เป็นต้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ า การคลุมดินส่วนใหญ่นิยมกระท าเพื่อรักษาความชื้น
ในดินโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง การคลุมดินยังมีประโยชน์ในแง่ของการลดปริมาณวัชพืชด้วย นอกจากนี้วัสดุ
คลุมดินยังช่วยให้อุณหภูมิของดินไม่แตกต่างกันมาก เพื่อปูองกันการพังทลายที่เกิดจากเม็ดฝนที่ตกลงมาหรือที่
เกิดจากน้ าไหลบ่าบนผิวดินหรือที่เกิดจากลมอัตราการใช้วัตถุคลุมดินที่นิยมโดยทั่วไป คือ 600-800 กิโลกรัม
ต่อไร่ ส าหรับเศษเหลือของพืชและ 1.6-2.0 ตันต่อไร่ ส าหรับปุ๋ยคอก
(5) การปลูกพืชคลุมดิน (Cover Crop) เป็นการปลูกพืชที่มีรากมากรากลึกใบแผ่แน่นและโตเร็ว
เช่น หญ้าแฝกยึดหน้าดินไว้เพื่อปูองกันการชะล้างและช่วยรักษาความชื้นนอกจากนี้ซากพืชยังท าให้ดินร่วนซุย
และอุ้มน้ าได้ดีขึ้นอีกด้วย
(6) หญ้าแฝก (Vetiver Grass) เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตระกูลเดียวกับข้าวโพด ข้าวฟุาง อ้อย พบ
กระจายทั่วไปตามธรรมชาติ หญ้าแฝกเป็นพืชที่เจริญเป็นกอขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50-90 เซนติเมตร มี
ระบบรากเจริญลงดินในแนวดิ่งมากกว่าด้านข้างรากหยั่งลึกลงดิน 1.5-3.0 เมตร บริเวณรากมีจุลินทรีย์หลาย
ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อพืชและเมล็ดขยายพันธุ์ได้น้อยมากจึงไม่เป็นวัชพืชนอกจากนี้หญ้าแฝกยังช่วยในการ
ปรับปรุงดินรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
สายพันธุ์หญ้าแฝก
พันธุ์หญ้าแฝกลุ่ม Chrysopogon zizanioides (L.) Roberty เป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการ
ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีและค่อนข้างเร็ว บางพันธุ์น าเข้ามาจากต่างประเทศ พันธุ์หญ้าแฝกลุ่ม
ได้แก่ พันธุ์สุราษฎร์ธานี ก าแพงเพชร 2 ศรีลังกา และสงขลา 3
พันธุ์หญ้าแฝกดอน Chrysopogon nemoralis (Balansa) Holttum เป็นสายพันธุ์ที่พบในที่ค่อนข้าง
แห้งหรือดินที่ระบายน้ าดี สามารถขึ้นได้ดีที่แดดจัดและที่ร่มร าไร ใบปรกลงคล้ายกอตระไคร้ ไม่ตั้งมากเหมือน
หญ้าแฝกลุ่ม สายพันธุ์หญ้าดอน ได้แก่ พันธุ์ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ร้อยเอ็ด ก าแพงเพชร 1 นครสวรรค์ และ
เลย (กรมพัฒนาที่ดิน, 2555)
นอกจากมาตรการดังกล่าวข้างต้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงถาวรให้กับคันดินที่ขุด ในหลายพื้นที่ที่มีการ
จัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ าได้น ามาใช้ คือ การใช้มาตรการวิธีกลร่วมกับวิธีพืช และเห็นว่าควรเพิ่มมาตรการ
อนุรักษ์ดินและน้ ามาตรการที่ 3 ได้แก่
3) มาตรการผสมผสานหรือมาตรการวิธีกลร่วมกับวิธีพืช มาตรการที่นิยมมากที่สุด คือ การปลูกหญ้า
แฝกเป็นแถบตามแนวคันดิน ดังนี้
(1) การสร้างคันคูรับน้ าขอบเขา (Hillside-Ditch) ร่วมกับการปลูกหญ้าแฝก (Vetiver Grass) ใน
พื้นที่ที่มีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซนต์ จะสร้างคันคูรับน้ าขอบเขาหรือคันดินแบบ 5 จากนั้นจะมีการ
ปลูกหญ้าแฝกเป็นแถบบริเวณปลายสันคันดิน ซึ่งเป็นมาตรการร่วมกันวิธีกลและวิธีพืช (แถบหญ้าแฝก) เป็น
วิธีการที่มีประสิทธิภาพในการช่วยปูองกันชะล้างการพังทลายของดิน คันคูรับน้ าขอบเขาจะเป็นตัวชะลอการ
ไหลของน้ าและเบนน้ าออกจากแปลง ในส่วนของแถบหญ้าแฝกจะช่วยในการยึดดินในบริเวณปลายของคันดิน
ไว้ไม่ให้ไหลลงไป เมื่อมีฝนตกลงมา และแถบหญ้าแฝกยังช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นในดินได้ดีอีกด้วย
(2) การปลูกหญ้าแฝกตามไหล่ทางช่วยปูองกันดินขอบทางล าเลียงพังทลายการปลูกเป็นแถวปลูก
ห่างจากขอบไหล่ทางประมาณ 50-100 เซนติเมตร และปลูกตามแนวระดับขวางความลาดเท จ านวนแถว
ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์และความยาวของความลาดเท ใช้ระยะห่างแต่ละแถวตามแนวดิ่ง 50 เซนติเมตร วิธีการ