Page 35 - การศึกษาลักษณะและสมบัติของดินเพื่อวินิฉัยคุณภาพดินด้านปฐพีกลศาสตร์ในดินตัวแทนหลัก 41 ชุดดินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 35
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
22
(poorly graded) การบดอัดดินตามมาตรฐานที่กําหนด ประเมินได้จากความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณความชื้น
(moisture content) ของดินในขณะที่ทําการบดอัด กับความหนาแน่นขณะแห้ง (dry density) ที่จะได้มา
หลังจากทําการบดอัดแล้ว ดังแสดงในภาพที่ 5 ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลในการควบคุมประสิทธิภาพในการบดอัดดิน
โดยปริมาณความชื้นของดินที่จุดสูงสุด (optimum moisture content) จะบดอัดได้ความหนาแน่นของดิน
สูงสุด (maximum dry density) ตามมาตรฐานที่กําหนดและมีการทรุดตัวน้อยที่สุด
ภาพที่ 5 ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณความชื้นกับความหนาแน่นแห้งของดิน
ที่มา: The Constructor (2017)
เมื่อดินแบกรับน้ําหนักบรรทุกเพิ่มขึ้น จะเกิดการยุบตัวทําให้ปริมาตรลดลง น้ําหนักที่เพิ่มขึ้นอาจ
เนื่องจากน้ําหนักของฐานรากโครงสร้าง คันดิน หรือการลดระดับน้ําใต้ดิน เป็นต้น ในกรณีที่ดินแบกรับน้ําหนัก
โครงสร้างและมีการยุบอัดตัวมากอาจทําให้โครงสร้างทรุดตัวเกิดความเสียหายได้ ดินบางชนิดอาจเกิดการยุบ
อัดตัวมากภายใต้น้ําหนักบรรทุกในขณะที่ดินบางชนิดอาจเกิดการยุบอัดตัวน้อย ถ้าทราบค่าการยุบอัดตัวของ
ดินและน้ําหนักที่กระทําก็สามารถประมาณค่าการทรุดตัวที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทําให้การออกแบบและการ
ดําเนินงานระหว่างการก่อสร้างเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยแบ่งระดับการยุบอัดตัวของดินหลังบดอัดจากการ
จําแนกประเภทของดิน ได้ดังตารางที่ 16
ตารางที่ 16 ระดับการยุบอัดตัวของดินหลังบดอัด
ระดับ ประเภทของดิน
น้อย - GW, GP, GM, GC, SW, SP, SM, SC
ดินเม็ดหยาบ เช่น หิน กรวด และทราย
ปานกลาง - ML, CL
ดินเม็ดละเอียดที่มีค่าขีดจํากัดของเหลว ≤ 50%
มาก - MH, CH, OL, OH
ดินเม็ดละเอียดที่มีค่าขีดจํากัดของเหลว > 50% หรือดินอินทรีย์
3.21 การต้านทานต่อการเกิดโพรงท่อและการกร่อน (resistance to piping and erosion)
การเกิดโพรงท่อ (piping) หมายถึง การกัดเซาะเป็นรูหรือโพรงคล้ายท่อ อันเนื่องจากน้ําไหลซึม
ผ่านหรือลอดใต้อาคารชลศาสตร์ หรือทํานบดินภายใต้แรงดันแล้วพาเม็ดดินออกไป (กรมชลประทาน, 2553)