Page 39 - การใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในดินทรายชายทะเลเพื่อปลูกคะน้าในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
P. 39
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
28
Smyrna ตามล าดับ ส าหรับปริมาณการสะสมธาตุโซเดียม (Na) พบว่าหญ้าSeabrook มีปริมาณการ
สะสมธาตุโซเดียมมากกว่าหญ้า Georgia หญ้า Dixie และหญ้า Smyrna ตามล าดับ ส าหรับผลของ
ชนิดหญ้าทนเค็มต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดินหลังการทดลอง พบว่า โดยทั่วไปปริมาณ
อินทรียวัตถุในดินมีค่าเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และปริมาณ
โพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ที่มีค่าเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าการน าไฟฟูาของดินลดลง ไพรัช และคณะ
(2556)
การศึกษาผลของการใช้วัสดุอินทรีย์และระบบการไม่ไถพรวนต่อการเปลี่ยนแปลงความเค็ม
ของดินเค็มก่อนใส่วัสดุอินทรีย์ หลังใส่วัสดุอินทรีย์ 60 วันและหลังใส่วัสดุอินทรีย์ 150 วัน ปริมาณ
อินทรียวัตถุ และการสะสมของปริมาณวัสดุอินทรีย์หลังเก็บเกี่ยวข้าว ในแปลงนาของเกษตรกร
จังหวัดอุดรธานี พบว่าการใช้วัสดุอินทรีย์ร่วมกับระบบการไม่ไถพรวนท าให้ความเค็มของดินลดลง
ปริมาณอินทรียวัตถุในดินมีค่าเพิ่มขึ้น 45–46 เปอร์เซ็นต์ และมีวัสดุอินทรีย์สะสมในดินเพิ่มขึ้นดังนั้น
การใส่วัสดุอินทรีย์ร่วมกับการไม่ไถพรวนท าให้ดินเค็มมีสมบัติดีขึ้นเหมาะสมต่อการปลูกข้าว
การเติมวัสดุอินทรีย์นอกจากสามารถช่วยลดความเค็มของดินได้แล้วยังเป็นการเพิ่มความ
อุดมสมบรูณ์ให้กับดินด้วยสอดคล้องกับรายงานของ Oorts et al. (2007) ซึ่งพบว่าการใช้วัสดุ
อินทรีย์ปริมาณมาก และติดต่อกันเป็นระยะยาวท าให้มีการสะสมอินทรียวัตถุในดินเพิ่มมากขึ้น
สามารถปรับปรุงบ ารุงความสมบรูณ์ของดินได้
ศึกษาการผลิตผักอินทรีย์เปรียบเทียบกับการใส่ปุ๋ยรูปแบบต่างๆในระบบการปลูกพืช
หมุนเวียน โดยวางแผนการทดลองแบบสุมสมบูรณ์ในบล็อก มี 4 ต ารับการทดลองได้แก่ ต ารับการ
ทดลองที่ 1 ใส่ปุ๋ยหมักจากมูลโคนมอัตรา 4,000 กิโลกรัมต่อไร่ ต ารับการทดลองที่ 2 ใส่ปุ๋ยหมักจาก
มูลโคนมอัตรา 2,000 กิโลกรัมต่อไร่ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ต ารับการ
ทดลองที่ 3 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10 อัตรา100 กิโลกรัมต่อไร่ และต ารับการทดลองที่ 4 เป็นต ารับ
ควบคุมคือไม่ใส่ปุ๋ย ท าการปลูกพืชทดสอบอย่างต่อเนื่องกันในพื้นที่เดียวกัน เริ่มจากผักคะน้าเป็นพืช
แรก ผักชีเป็นพืชที่สอง และกวางตุ้งเป็นพืชสุดท้าย พบว่าน้ าหนักสดและน้ าหนักแห้งของผักคะน้า
ผักชี และกวางตุ้งทั้ง 4 ต ารับการทดลอง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญยิ่งทางสถิติ โดยพบว่า
ต ารับการทดลองที่ 3 ให้น้ าหนักสดและน้ าหนักแห้งของผักคะน้า ผักชี และกวางตุ้งสูงที่สุด ซึ่งน้ าหนัก
สดของผักทั้ง 3 ชนิดคือ 14,984 กิโลกรัมต่อไร่, 5,982.40 กิโลกรัมต่อไร่ และ 27,127 กิโลกรัมต่อไร่
ตามล าดับ ส่วนน้ าหนักแห้งของผักทั้ง 3 ชนิดได้แก่ 1,352 กิโลกรัมต่อไร่, 661.79 กิโลกรัมต่อไร่ และ
2,110 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ ส่วนต ารับการทดลองที่ 4 มีน้ าหนักสดและแห้งต่ าที่สุดและไม่
แตกต่างกับต ารับการทดลองที่ 3 (เรวัฒน์ และคณะ, 2557)
ประสิทธิภาพของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของผักคะน้ามี
วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของชนิดและอัตราการให้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมีต่อ
การเจริญเติบโตและปริมาณผลผลิตของผักคะน้า โดยวางแผนการทดลองแบบ Factorial in CRD
เปรียบเทียบกับสิ่งทดลองควบคุม ประกอบด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ ชนิดของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง คือ
ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง สูตร 1 กรมพัฒนาที่ดิน และมูลไก่หมักคุณภาพสูง และอัตราการใช้ปุ๋ยอินทรีย์
คุณภาพสูง 3 ระดับ คือ 1, 2.5 และ 5 กรัมไนโตรเจนต่อดิน 5 กิโลกรัม จากผลการทดลองพบว่าชนิด
ของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ท าให้ต้นผักคะน้ามีปริมาณน้ าหนัก สดและน้ าหนักแห้งไม่แตกต่างกัน