Page 54 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 54
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
43
บทที่ 3
ปุ๋ยอินทรีย์ในระบบการเกษตรที่ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
1.ความหมายของปุ๋ย
ตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติปุ๋ย (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2550 ได้ให้ค่าจ่ากัด
ความของปุ๋ยไว้ว่า “ปุ๋ย” หมายถึง สารอินทรีย์ หรือสารอนินทรีย์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือการสังเคราะห์
ส่าหรับใช้เป็นธาตุอาหารแก่พืชได้ไม่ว่าโดยวิธีใด หรือท่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในดิน เพื่อบ่ารุง
ความเติบโตแก่พืช ในหลักวิชาการปุ๋ยโดยทั่วไปสามารถจ่าแนกปุ๋ยได้ 3 ประเภท คือ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์
และปุ๋ยชีวภาพ
1.ปุ๋ยเคมี หมายความว่า ปุ๋ยที่ได้จากสารอนินทรีย์หรืออินทรีย์สังเคราะห์ รวมถึงปุ๋ยเชิงเดี่ยวปุ๋ยเชิง
ผสม ปุ๋ยเชิงประกอบ และปุ๋ยอินทรีย์เคมี แต่ไม่รวมถึงปูนขาว ดินมาร์ล ปูนปลาสเตอร์ ยิปซัม โดโลไมต์
หรือสารอื่นที่รัฐมนตรีก่าหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. ปุ๋ยอินทรีย์ หมายความว่า ปุ๋ยที่ได้หรือท่ามาจากวัสดุอินทรีย์ ซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธีท่าให้ชื้น สับ
หมัก บด ร่อน สกัด หรือด้วยวิธีการอื่น และวัสดุอินทรีย์ถูกย่อยสลายสมบูรณ์ด้วยจุลินทรีย์แต่ไม่ใช่ปุ๋ยเคมี
และปุ๋ยชีวภาพ
3. ปุ๋ยชีวภาพ หมายความว่า ปุ๋ยที่ได้มาจากการน่าจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่สามารถสร้างธาตุอาหารหรือ
ช่วยให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์กับพืช มาใช้ในการปรับปรุงบ่ารุงดินทางชีวภาพทางกายภาพหรือทางชีวเคมี
และให้หมายความรวมถึงหัวเชื้อจุลินทรีย์
2. ประเภทของปุ๋ยอินทรีย์
ปุ๋ยอินทรีย์ ปัจจุบันสามารถแบ่งได้ 4 ชนิด ดังนี้
2.1 ปุ๋ยคอก
2.2 ปุ๋ยหมัก
2.3 ปุ๋ยพืชสด
2.4 ปุ๋ยอินทรีย์น้่าหรือปุ๋ยอินทรีย์เหลว
โดยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และปุ๋ยอินทรีย์น้่า จะอธิบายในบทที่ 4, 5, 6 และ 7 ต่อไป
3. ความสําคัญของปุ๋ยอินทรีย์
3.1 ปุ๋ยอินทรีย์เป็นแหล่งอินทรียวัตถุ ดังนั้น ปุ๋ยอินทรีย์จึงมีความส่าคัญต่อการปรับปรุงบ่ารุงดิน
3.2 ปุ๋ยอินทรีย์เป็นแหล่งธาตุอาหาร ได้แก่ ธาตุหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุค่อนข้างครบถ้วนที่
พืชใช้ในการเจริญเติบโต แม้แต่ละธาตุจะมีปริมาณที่น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมี แต่ธาตุอาหาร
ส่วนมากปลดปล่อยออกมาอย่างช้าๆ เพราะธาตุอาหารบางส่วนเป็นองค์ประกอบของสารอินทรีย์และ
บางส่วนอยู่ในรูปคีเลต จึงมีการสูญเสียเนื่องจากการชะล้างน้อย (ธงชัย,2546)