Page 56 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 56
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
45
3.5 ปุ๋ยอินทรีย์ต่อสมบัติทางชีวภาพของดิน
สารอินทรีย์ในปุ๋ยอินทรีย์นั้นอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการสลายตัว จึงยังมีสารให้พลังงาน
เหลืออยู่เป็นจ่านวนมาก ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและพลังงานของสิ่งมีชีวิตในดิน เมื่อใส่ลงในดินจุลินทรีย์จะมี
การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เชื้อราต่างๆ จะแทงกระจุกใยรา (mycelium) ลงในดินอย่างหนาแน่น สัตว์
เล็กๆ จะมาใช้เป็นอาหารและไชชอนไปรอบบริเวณ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ของจุลินทรีย์เหล่านี้ล้วนมีผลโดยตรง
และโดยทางอ้อมต่อสมบัติทางเคมีและกายภาพของดิน ท่าให้เกิดการหมุนเวียนของธาตุอาหารในรูปต่างๆ
ถ่ายทอดและถ่ายเทจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จึงเท่ากับเป็นการรักษาธาตุอาหารในรูปต่างๆ ไว้
ไม่ให้สูญหายในเวลาอันสั้น และการปรากฏตัวและเพิ่มปริมาณของไส้เดือนและสัตว์เล็กอื่นๆ ภายหลังใส่ปุ๋ย
อินทรีย์ย่อมเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ของดินในระดับสูงขึ้น (คณาจารย์ภาควิชา
ปฐพีวิทยา, 2541)
4. การย่อยสลายและการปลดปล่อยธาตุอาหารพืชของปุ๋ยอินทรีย์
เมื่อใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลงในดิน เมื่อปุ๋ยอินทรีย์ได้รับความชื้นและสภาวะอื่นๆ ในดินที่เหมาะสม เช่น
อุณหภูมิการระบายอากาศและความเป็นกรดเป็นด่างของดิน สารต่างๆ ที่ละลายได้ในปุ๋ยจะถูกปลดปล่อย
ออกมาและถูกดูดกินโดยจุลินทรีย์ ในขณะเดียวกันอินทรีย์สารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและง่ายต่อการเข้าท่าลาย
จะถูกย่อยสลาย โดยน้่าย่อยของจุลินทรีย์อย่างรวดเร็ว ส่วนสารที่มีลักษณะโมเลกุลค่อนข้างซับซ้อนก็จะถูก
ย่อยสลายอย่างช้าๆ และบางส่วนของโมเลกุลที่ถูกย่อยสลายไปบ้างแล้ว แต่ยังมีลักษณะ aromatic ring ที่
ซับซ้อนอยู่อาจรวมตัวกับประจุต่างๆ เกิดเป็นสารฮิวมัส ซึ่งเป็นองค์ประกอบอันส่าคัญของอินทรียวัตถุในดิน
ซึ่งคงทนต่อการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์มากขึ้น เนื่องจากมักจะเข้าท่าปฏิกิริยากับอนุภาคดินเหนียวเกิดเป็น
humus – clay complex ส่วนสารประกอบอินทรีย์พวก aliphatic หรือ straight chain นั้น ส่วนใหญ่จะ
ค่อยๆ ถูกย่อยสลายกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่บรรยากาศ โดยในขณะที่อินทรีย์สารในปุ๋ยอินทรีย์
ก่าลังถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ดินนั้น สารประกอบอินทรีย์ในรูปต่างๆ ของไนโตรเจนและฟอสฟอรัสจะ
เปลี่ยนแปลงย่อยสลายไปตามล่าดับ และในที่สุดจะไปเป็นสารอนินทรีย์ ซึ่งมีธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและ
+
2-
-
ก่ามะถัน เช่น แอมโมเนียมไอออน (NH ) ไนเตรทไอออน (NO ) ซัลเฟตไอออน (SO ) และฟอสเฟต
3
4
4
2-
ไอออน 2 รูป คือ HPO และ H PO 4 - ซึ่งจุลินทรีย์และรากพืชดูดไปใช้ได้ ส่วนธาตุโพแทสเซียมในปุ๋ย
2
4
อินทรีย์มักอยู่ในรูปไอออนที่ละลายน้่าได้ดีจะเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ทันที ส่วนธาตุโพแทสเซียมในปุ๋ยอินทรีย์
ที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อพืชและสัตว์จะค่อยๆ ถูกปลดปล่อยออกมาลักษณะที่คล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตามการ
ปลดปล่อยธาตุอาหารในปุ๋ยอินทรีย์เมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมีแล้วจะเป็นอัตราที่ช้าและสม่่าเสมอมากกว่า
จึงท่าให้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพสูงและพืชตอบสนองได้ดีและไม่ค่อยเกิดที่เป็นพิษต่อพืช แต่เมื่อเทียบการใช้ต่อ
หน่วยมีปริมาณธาตุอาหารหลักน้อยกว่าปุ๋ยเคมี (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2541; ยงยุทธและคณะ,
2551)
5. ข้อจํากัดและข้อควรระวังของปุ๋ยอินทรีย์
5.1 มีปริมาณธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองอยู่น้อย เพราะปุ๋ยอินทรีย์ส่วนใหญ่มีปริมาณธาตุ
อาหารพืชหลักและธาตุอาหารรองอยู่น้อย แต่จุลธาตุพอเพียงหรือเกือบเพียงพอกับความต้องการของพืช