Page 33 - การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตพืชในพื้นที่ ลุ่มน้ำสาขาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนที่ 2 ปีการผลิต 2541/42

24

คาน้ํามันเชื้อเพลิงเพื่อการขนสง (กรณีที่ใชพาหนะของตนเอง) คาเสียโอกาสเงินลงทุนและคาดอกเบี้ย

เงินกูระยะสั้น ดังนั้นจะมีตนทุนผันแปรรวมทั้งหมดเฉลี่ยไรละ 1,922.69 บาท ในสวนของตนทุนคงที่ทั้งที่
เปนเงินสดและไมเปนเงินสด เกษตรกรจะมีตนทุนคงที่รวมทั้งหมดเฉลี่ยไรละ 610.40 บาท โดยสวนใหญจะ

เปนตนทุนคงที่ที่ไมเปนเงินสด ไดแก คาใชที่ดินเฉลี่ยไรละ 453.94 บาท คาเสื่อมเครื่องมือและอุปกรณ

การเกษตรเฉลี่ยไรละ 153.23 บาท สวนตนทุนคงที่ที่เปนเงินสดมีเพียงอยางเดียว คือ คาภาษีที่ดินเฉลี่ยไรละ

3.23 บาท สําหรับการผลิตยางพาราอายุ 9-13 ป ในหนวยที่ดินที่ 26B นี้ เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนเหนือ
ตนทุนที่เปนเงินสดแลวจะพบวาเกษตรกรมีผลตอบแทนเหนือตนทุนที่เปนเงินสดเฉลี่ยไรละ 1,647.37 บาท

แตเมื่อศึกษาถึงผลตอบแทนเหนือตนทุนผันแปรทั้งหมดแลวปรากฏวาเกษตรกรจะมีผลตอบแทนเหนือ

ตนทุนผันแปรเฉลี่ยไรละ 440.13 บาท และผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งหมดขาดทุนเฉลี่ยไรละ 170.27 บาท
ปญหาในการผลิตพืชโดยทั่วไปเหมือนปญหาที่เกิดในหนวยที่ดินอื่น โดยเฉพาะปญหาราคาผลผลิตตกต่ํามาก

ในปการผลิตที่ผานมาทําใหมูลคาผลผลิตตอไรต่ํามาก ขณะเดียวกันมีฝนตกชุกทําใหเกษตรกรไมสามารถ

กรีดยางได น้ํายางนอย นอกจากนี้ปจจัยการผลิตมีราคาสูงขึ้น เปนตน ดวยสาเหตุของปญหาเหลานี้ทําให
ตนทุนการผลิตยางตอไรมากขึ้น ขณะเดียวกันผลผลิตที่ไดนอย เกษตรกรจึงมีผลตอบแทนการลงทุนขาดทุน

(ตารางที่ 7 18 19 และ 39)

ยางพาราอายุ 14-20 ป พันธุRRIM600 (ยางแผน) การปลูกยางพาราชวงอายุ 14-20 ป

ในหนวยที่ดินที่ 26B พบวามีเนื้อที่เพาะปลูกเฉลี่ยครอบครัวละ 11.68 ไร จะไดผลผลิตประมาณไรละ
124.86 กิโลกรัม คิดเปนมูลคาผลผลิตทั้งหมดเฉลี่ยไรละ 2,001.51 บาท จากราคาผลผลิตที่ไดเฉลี่ยกิโลกรัมละ

16.03 บาท ผลผลิตที่ไดทั้งหมดจะขายรอยละ 76.14 ที่เหลืออีกรอยละ 23.86 จายเปนคาจางแรงงาน

ในการทํายางแผน และผลผลิตที่ขายนี้ขายใหพอคาที่มารับซื้อที่บาน รอยละ 51.45 อีกรอยละ 48.55 จะนํา
ออกไปขายที่ผูรับซื้อ สวนพอคาที่รับซื้อผลผลิตจะเปนพอคาในทองถิ่นเดียวกันรอยละ 96.82 เปนพอคา

ในเมืองเพียงรอยละ 3.18 เทานั้น เกษตรกรที่ปลูกยางพาราอายุ 14-20 ปนี้ ใชตนทุนในการเพาะปลูกทั้งหมด

เฉลี่ยไรละ 1,997.42 บาท ซึ่งประกอบดวยตนทุนผันแปรและตนทุนคงที่ทั้งที่เปนเงินสดและไมเปนเงินสด

ตนทุนผันแปรสวนใหญ ไดแก คาแรงงานคนเฉลี่ยไรละ 1,225.58 บาท ซึ่งเปนแรงงานจางที่เปนเงินสด
เฉลี่ยไรละ 523.99 บาท เปนแรงงานของตนเองและคนในครอบครัวเฉลี่ยไรละ 701.59 บาท แรงงานคน

ที่ใชมากไดแก ฉีดยาปราบและกําจัดวัชพืช ใสปุย เปนตน คาแรงงานเครื่องจักรเฉลี่ยไรละ 31.94 บาท

คาวัสดุปจจัยการเกษตร เชน คาปุยเคมีคิดเปนมูลคาเฉลี่ยไรละ 63.68 บาท โดยใชปุยเคมีสูตร 15-15-15
เพียงชนิดเดียว ไรละ 10.33 กิโลกรัม คาแกส คาน้ํากรดสําหรับผสมกับน้ํายางเพื่อทํายางแผน คายาทาหนายาง

เพื่อกันเชื้อรา และคาวัสดุสิ้นเปลืองอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีคาใชจายที่เปนตนทุนผันแปรอื่นๆ ไดแก คาซอมแซม

อุปกรณการเกษตร คาขนสงผลผลิตและคาน้ํามันเชื้อเพลิงเพื่อการขนสง (กรณีใชยานพาหนะของตนเอง)
และคาเสียโอกาสเงินลงทุน ดังนั้นจะมีตนทุนผันแปรรวมทั้งหมดเฉลี่ยไรละ 1,441.84 บาท ในสวนของ

ตนทุนคงที่ทั้งที่เปนเงินสดและไมเปนเงินสด เกษตรกรจะมีตนทุนคงที่รวมทั้งหมดเฉลี่ยไรละ 555.58 บาท