Page 34 - แนวทางการส่งเสริมการเกษตรที่เหมาะสมตามฐานข้อมูลแผนที่เกษตรเชิงรุก Agri-Map จังหวัดเลย
P. 34
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
27
3.2 อะโวคาโด มีพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 593 ไร่ พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอภูเรือ
อำเภอด่านซ้าย และอำเภอนาแห้ว โดยปลูกเฉลี่ย 3 ไร่ต่อครัวเรือน (25 ต้นต่อไร่) เกษตรกรนิยมปลูก
พันธุ์ปีเตอร์สัน เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่มีผลใหญ่ เมื่อผลโตเต็มที่ 2 - 3 ผลต่อ 1 กิโลกรัม และพันธุ์แฮส
ซึ่งเป็นพันธุ์การค้าที่ผู้บริโภคนิยม โดยเกษตรกรที่เพาะปลูกอะโวคาโด มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,339
บาทต่อไร่ (เริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 4 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ระยะยาว) ราคาต้นพันธุ์เพาะเมล็ด
แบบคละพันธุ์อยู่ที่ 50 – 80 บาทต่อต้น หากเป็นต้นพันธุ์เสียบยอด ราคา 120 - 150 บาทต่อต้น
นิยมปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ระยะเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม
ให้ผลผลิตเฉลี่ย 290 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 5,564 บาทต่อไร่ ราคาขาย
เฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอกจังหวัดเลยมารับซื้อเพื่อส่งขาย
ต่อไปยังจังหวัดอื่น ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดชลบุรี และ
กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีพ่อค้าบางรายนำมาวางจำหน่ายที่ร้านบริเวณริมทางถนนเลย – ภูเรือ
มีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 60 – 100 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับผลผลิตอะโวคาโดของจังหวัดเลย มีอายุอยู่ในช่วง 4 – 5 ปี โดยจะเริ่มให้ผลผลิตใน
ปีแรก แต่ยังไม่มาก ทั้งนี้ เกษตรกรควรเลือกสายพันธุ์ตามความต้องการของตลาดและเป็นพันธุ์แท้
ควรปลูกในที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง และต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์ใต้โคนต้นทุกปี รวมถึงต้องเก็บเกี่ยวเฉพาะผลที่
แก่จัดเท่านั้น จึงจะได้ผลผลิตที่มีรสชาติดี หวานมัน ไม่ฝาด เนื้อนิ่มแน่น ไม่เละ ไม่มีเสี้ยน มีคุณภาพ
ตรงกับความต้องการของตลาด 5,935 ตันต่อปี (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2563)
3.3 พืชสมุนไพร ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green
Economy) หรือ เศรษฐกิจชีวภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พืชสมุนไพรเป็นเรื่องหนึ่ง
ที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นแหล่งของสาระสำคัญที่นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น
การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง จึงสนับสนุนให้พืชสมุนไพรเป็นพืชทางเลือก
ในปี 2564 โดยดำเนินการภายใต้ตลาดนำการผลิต และหากทิศทางของตลาดสมุนไพรขยายตัว
เพิ่มมากขึ้นจะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกพืชสมุนไพร มีรายได้และความมั่นคงในการดำรงชีพ
จากฐานข้อมูล Agri-Map Online จังหวัดเลยมีพื้นที่ศักยภาพที่สามารถส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพร
ได้หลายชนิด อาทิ ขมิ้นชัน
ขิง อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย มีการปลูกขิงเพื่อส่งออก ขิงเป็นพืชล้มลุกที่มีสรรพคุณทั้งเป็น
ยาสมุนไพรและเป็นอาหาร จึงเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ขิงเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็น
ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 500 เมตรขึ้นไปจะทำให้ขิงหัวโต ส่วนดินจะใช้ดินปนทรายและดินเหนียว
ร่วมด้วยเพราะดินจะอุ้มน้ำ น้ำก็จะรอน้ำจากธรรมชาติ คือ น้ำฝน และปัญหาของขิงส่วนมากจะเป็น
โรคเน่าซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โรคไส้เดือนฝอย และศัตรูพืชจำพวกแมลง ทำให้ได้ผลผลิตไม่ดีต้อง
ทำการรื้อแปลงเพื่อปลูกใหม่โดยใช้ปุ๋ยและอาหารที่ทำด้วยอินทรีย์ ลำต้นจะใหญ่ ใบเขียวสวย ต้นทุน
จะต่ำลง ผลผลิตประมาณ 5 ตันต่อไร่ จากข้อมูลสำนักงานเกษตรจังหวัดเลยปี 2562 ผลผลิต
(สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, 2561)
ขมิ้นชัน เป็นพืชปลูกง่าย ชอบแสงแดดจัด และมีความชื้นสูง ชอบดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี
ไม่ชอบน้ำขัง เกษตรกรสามารถปลูกขมิ้นชันแซมในสวนเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ โดยพื้นที่
จังหวัดเลยมีพื้นที่ศักยภาพในการปลูกขมิ้นชันที่ระดับความเหมาะสมสูง (S1) 732,105 ไร่ กระจายอยู่