Page 8 - การจัดการดินเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวโพดหวานในระบบพืชหลังนากลุ่มชุดดินที่ 4 จังหวัดนครสวรรค์ Soil management for increasing sweet corn yield in post-rice crop system on soil group no.4 in Nakhonsawan province.
P. 8

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน




                                                                                                           8

                          ข้าวโพดหวานเป็นพืชเศรษฐกิจที่ไทยส่งออกเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2549 เพิ่มสูงสุด  20% (125,000

                   ตัน) มีพื้นที่ปลูกมากถึง 737,500ไร่ พันธุ์ข้าวโพดหวานที่ใช้ปลูกพันธุ์ที่แนะนำคือพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสม ไฮ-
                   บริกซ์ 10 และ ไฮ-บริกซ์ 3 ทั้งสองพันธุ์เป็นพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสมที่ผลิตโดย บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จำกัด ซึ่ง

                   สามารถให้ผลผลิตสูง มีขนาดฝักใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาด คุณภาพฝักสดดีมาก รสชาติดี กลิ่นหอม  นอกจากนี้ยัง
                   สามารถปลูกได้ในทุกสภาพแวดล้อมในประเทศไทย เพราะเป็นพันธุ์ที่ปรับปรุงขึ้นโดยใช้เชื้อพันธุกรรมที่มีในประเทศ

                   ทำให้สามารถปรับตัวได้อย่างกว้างขวางนอกจากนี้ยังมีพันธุ์ ATS 5 ,  ATS 8 ที่เกษตรกรนิยมปลูก (สมควร, 2552)
                   ซึ่งในการเตรียมดินปลูกข้าวโพดหวานให้ได้ผลผลิตสูง  การเตรียมดินที่ดีควรมีการไถดะและทิ้งตากดินไว้ 3-5 วัน

                   จากนั้นจึงไถแปรเพื่อย่อยดินให้ แตกละเอียดไม่เป็นก้อนใหญ่เหมาะกับการงอกของเมล็ด ควรมีการหว่านปุ๋ยคอกเช่น
                   ปุ๋ยขี้ไก่เป็นต้น อัตราประมาณ 1 ตันต่อไร่ก่อนการไถแปร เพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นสามารถอุ้ม
                   น้ำได้นานขึ้น  และยังเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้กับข้าวโพดหวาน  การปลูกแบบแถวเดี่ยว ระยะระหว่างแถว 75

                   เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 1 ต้น จำนวนต้นต่อไร่ประมาณ 7,000-8,500 ต้น จะใช้
                   เมล็ดประมาณ 1.0-1.5 กิโลกรัมต่อไร่ (ไพศาล, 2551) การปลูกแบบแถวคู่ มีการยกร่องสูง  ระยะระหว่างร่อง 120

                   เซนติเมตร ปลูกเป็นสองแถวข้างร่อง ระยะห่างกัน 30 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร1 ต้นต่อหลุม
                   จะมีจำนวนต้นประมาณ 7,000-8,500 ต้นต่อไร่และใช้เมล็ดประมาณ 1.0-1.5 กิโลกรัมต่อไร่ การให้น้ำจะปล่อยน้ำ
                   ตามร่องซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกดีการใส่ปุ๋ยรองพื้น สูตรปุ๋ยที่แนะนำคือ 15-15-15 หรือ 25-7-7 หรือ 16-16-8  อัตรา 50

                   กิโลกรัมต่อไร่  ใส่พร้อมปลูกหรือใส่ขณะเตรียมดิน ถ้าปลูกด้วยมือ ควรหยอดปุ๋ยที่ก้นหลุมแล้วกลบดินบาง ๆ ก่อน
                   หยอดเมล็ด ไม่ควรให้ปุ๋ยสัมผัสกับเมล็ดโดยตรงเพราะอาจทำให้เมล็ดเน่าได้ การใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 สูตรปุ๋ยที่

                   แนะนำคือ 46-0-0 (ยูเรีย) อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่เมื่อข้าวโพดมีอายุ 20-25 วันหลังปลูก โรยข้างต้นในขณะ
                   ดินมีความชื้นหรือให้น้ำตาม หรือพูนโคนกลบปุ๋ยก็จะเป็นการกำจัดวัชพืชไปในตัว ครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดมีอายุ 40-45

                   วันหลังปลูก ถ้าแสดงอาการเหลืองหรือไม่สมบูรณ์ ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ โรยข้างต้นในขณะ
                   ดินมีความชื้นหรือให้น้ำตาม  การกำจัดวัชพืช ถ้าแปลงปลูกข้าวโพดหวานมีวัชพืชขึ้นมากจะทำให้ข้าวโพดไม่สมบูรณ์

                   ผลผลิตจะลดลงจึงควรมีการกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก วิธีการกำจัดวัชพืชสามารถทำได้โดยการฉีดยาคุมวัชพืชใช้อลา
                   คลอร์ฉีดพ่นลงดินหลังจากปลูกก่อนที่วัชพืชจะงอกขณะฉีดพ่นดินควรมีความชื้นเพื่อทำให้ยามีประสิทธิภาพดีขึ้น
                   หรือใช้วิธีการเขตกรรม ถ้าหากจำเป็นต้องใช้สารเคมีควรได้รับคำแนะนำจากนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง หรือเจ้าหน้าที่

                   โรงงานผู้ส่งเสริมการปลูก สำหรับการให้น้ำระยะที่ข้าวโพดหวานขาดน้ำไม่ได้คือระยะ 7 วันแรกหลังปลูก เป็นระยะที่
                   ข้าวโพดกำลังงอก ถ้าข้าวโพดหวานขาดน้ำช่วงนี้จะทำให้การงอกไม่ดี จำนวนต้นต่อพื้นที่ก็จะน้อยลงจะทำให้ผลผลิต

                   ลดลงไปด้วย ระยะที่ขาดน้ำไม่ได้อีกช่วงหนึ่งคือระยะออกดอก การขาดน้ำในช่วงนี้จะมีผลทำให้การผสมเกสรไม่
                   สมบูรณ์ การติดเมล็ดจะไม่ดี ติดเมล็ดไม่เต็มถึงปลายหรือติดเมล็ดเป็นบางส่วน ซึ่งฝักที่ได้จะขายได้ราคาต่ำ โดยปกติ

                   ถ้าเป็นพื้นที่ที่สามารถให้น้ำได้ควรให้น้ำทุก 3-5 วัน ขึ้นกับสภาพต้นข้าวโพดและสภาพอากาศ แต่ช่วงที่ควรให้น้ำถี่
                   ขึ้นคือช่วงที่ข้าวโพดกำลังงอกและช่วงออกดอก การเก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุประมาณ 70-75 วันหลังปลูก  แต่ระยะที่

                   เหมาะสมสำหรับการเก็บเกี่ยวที่สุด คือ ระยะ 18-20 วันหลังข้าวโพดออกไหม 50%   (ข้าวโพด 100 ต้นมีไหม 50
                   ต้น)   ข้าวโพดหวานพันธุ์  ไฮ-บริกซ์ 10  จะเก็บเกี่ยวที่อายุประมาณ 68-70 วัน   และพันธุ์ไฮ-บริกซ์ 3  จะเก็บเกี่ยว
                   ที่อายุประมาณ 65-68 วันหลังปลูก แต่ถ้าปลูกในช่วงอากาศหนาวเย็นอายุการเก็บเกี่ยวอาจจะยืดออกไปอีก หลังจาก

                   เก็บเกี่ยวแล้วควรรีบส่งโรงงานหรือจำหน่ายโดยเร็ว    เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ  หากขาดน้ำจะมีผลต่อเมล็ดและ
                   น้ำหนักของฝัก ข้าวโพดหวานเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอายุเก็บเกี่ยวสั้น ทำให้ปลูกได้ถึง 3 รุ่น ตลอดทั้งปี(หรือ4 รุ่น

                   ในบางแหล่ง และบางพันธุ์) มีทั้งประเภทที่ปลูกเพื่อจำหน่ายฝักสดและปลูกเพื่อส่งโรงงานเพื่อนำไปแปรรูปได้หลาย
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13