Page 6 - การจัดการดินเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวโพดหวานในระบบพืชหลังนากลุ่มชุดดินที่ 4 จังหวัดนครสวรรค์ Soil management for increasing sweet corn yield in post-rice crop system on soil group no.4 in Nakhonsawan province.
P. 6
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
6
เหมาะสมตามชนิดของพืช และ4.ให้น้ำในช่วงเวลาและปริมาณที่เหมาะสมสำหรับพืชหลังนามีหลายชนิด เช่น มันฝรั่ง
พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพดหวาน กระเทียม หอมแดง มะเขือเทศ ฝักทองและเห็ดฟาง ฯลฯ โดยพืชแต่ละชนิดสามารถ
ปลูกได้ทันทีหลังจากการทำนาเสร็จสิ้นเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวความชื้นในดินยังมีอยู่อย่างพอเหมาะซึ่งพืชสามารถ
เจริญเติบโตได้และนอกจากนี้เพื่อเป็นแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรควรจะมีการศึกษาการใช้พื้นที่
ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ข้าวข้าวโพด พืชตระกูลถั่ว
และพืชผักอีกหลายชนิด โดยในปัจจุบันการเพาะปลูกในหลายๆ พื้นที่กำลังประสบกับปัญหาภัยแล้งที่เกิดจากความ
เปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ปริมาณน้ำตามเขื่อนต่างๆ ลดลงอย่างมาก อีกทั้งฝนที่เคยตกตามฤดูกาลก็
ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ จึงทำให้การเพาะปลูกในบางพื้นที่ต้องยกเลิกไปแต่ก็ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่พร้อมรับความ
เสี่ยงที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายลดพื้นที่การทำนาปรังเพื่อลดการใช้
น้ำและให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยหลังนาแทนการปลูกข้าวโดยพืชทางเลือกที่เหมาะสมในการปลูกนั้นเป็น
พืชที่อายุสั้น ทนแล้ง และให้ผลผลิตเร็ว การปลูกพืชหลังนานอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกษตรกรจะได้รับจากการ
ปลูกพืชแบบเดิมแล้ว การปลูกพืชใช้น้ำน้อยจะช่วยตัดวงจรการระบาดของแมลงศัตรูข้าว เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของ
ดิน เพิ่มปริมาณผลผลิตให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นและลดการนำเข้าผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งภาคเหนือตอนล่าง
ของประเทศไทยมีพืชหลายชนิดที่เหมาะสมในการปลูกพืชหลังการทำนา สำหรับการเลือกพืชที่เกษตรกรจะนำมา
ปลูกนั้นจะต้องใช้หลักการ 4 อย่างเพื่อพิจารณา คือ 1.เลือกชนิดของพืชที่ใช้ปลูกให้ตรงกับความต้องการของตลาดมี
ความเหมาะสมกับพื้นที่ 2.ปรับพื้นที่ให้เหมาะสมในการจัดการน้ำ 3.เลือกช่วงเวลาการปลูกที่เหมาะสมตามชนิดของ
พืช และ 4.ให้น้ำในช่วงเวลาและปริมาณที่เหมาะสมสำหรับพืชหลังนามีหลายชนิด เช่น มันฝรั่งพืชตระกูลถั่วข้าวโพด
หวาน กระเทียม หอมแดง มะเขือเทศ ฝักทองและเห็ดฟาง ฯลฯ โดยพืชแต่ละชนิดสามารถปลูกได้ทันทีหลังจากการ
ทำนาเสร็จสิ้นเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวความชื้นในดินยังมีอยู่อย่างพอเหมาะซึ่งพืชสามารถเจริญเติบโตได้และ
นอกจากนี้เพื่อเป็นแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรควรจะมีการศึกษาการใช้พันธุ์พืชที่ดี มีคุณภาพ ใส่
ปุ๋ยตามผลการวิเคราะห์ดินอย่างถูกสูตร ถูกเวลา ถูกอัตราและถูกวิธี การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชควรจะใช้ในช่วงเวลา
และอัตราที่เหมาะสม
ข้าวโพดหวานเป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี และปลูกได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศเกษตรกรจะ
ปลูกข้าวโพดหวานในฤดูฝนช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมเก็บเกี่ยวเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคมเก็บเกี่ยวเดือน
ตุลาคม สำหรับฤดูแล้งส่วนใหญ่จะปลูกหลังนาในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน และเก็บเกี่ยวเดือนกุมภาพันธ์ –
มีนาคมของทุกปีจังหวัดนครสวรรค์ถือว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวโพดหวานทางภาคเหนือ โดยในปี 2557 มีเนื้อที่เพาะปลูก
7,562 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 7,520 ไร่ ผลผลิตรวม 17,431 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 2,318 กิโลกรัม ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ประสบปัญหาภัยแล้งมากขึ้นโดยช่วงต้นปี 2559 มีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่า
2,000-3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรซึ่งน้อยกว่าในช่วงต้นปี 2558 ส่วนน้ำต้นทุนและการใช้น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา พึง
ระวังว่าน้ำต้นทุนน้อย เกษตรกรได้นำความรู้ด้านการผลิตข้าวโพดหวานจากเดิมเคยปลูกในพื้นที่ไร่มาปรับเปลี่ยนเป็น
การปลูกหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งเกษตรกรสามารถควบคุมการให้น้ำทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดการเสี่ยงภัย การขาดทุน
มีผลทำให้เกษตรกรหันมาสนใจการปลูกข้าวโพดหวานหลังนาเพิ่มมากขึ้น ตอบสนองความต้องการใช้ภายในประเทศ
ดังนั้น จึงควรศึกษาการจัดการดินเพื่อเพิ่มผลิตข้าวโพดหวานหลังนาของเกษตรกร เพื่อให้ได้ข้อมูลแนวทางในการ
วางแผนปรับปรุงการผลิตและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดหวานหลังนาของเกษตรกร และนำข้อมูลที่ได้จากการ
ศึกษาวิจัยครั้งนี้นำไปส่งเสริมและเผยแพร่ให้เกษตรกรผู้สนใจ และเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดหวานจังหวัดนครสวรรค์
เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป
วัตถุประสงค์