Page 9 - อิทธิพลจากการเผาต่อระบบการปลูกข้าวโพด และคาร์บอนในดินบนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ Effects of Burning on Maize Production Systems and Soil Carbon on Upland in Chiang Mai Province.
P. 9
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
4
การตรวจเอกสาร
1. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีชื่อสามัญว่า Maize หรือ Corn และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zea mays L. เป็นพืชที่อยู่ใน
ตระกูลหญ้า (Family Gramineae) ซึ่งจัดอยู่ใน Tribe Maydeae ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชวันสั้นซึ่งมีกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสงแบบพืช C4 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชเศรษฐกิจซึ่งปัจจุบันประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูก
เป็นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สามารถปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝนข้าวโพดพันธุ์ต่างๆ ในประเทศไทย มีอายุ
เก็บเกี่ยวระหว่าง 100 - 120 วัน การเก็บเกี่ยวควรเก็บเมื่อข้าวโพดแก่เต็มที่กาบหุ้มฝักแห้งใบแห้ง (เมล็ดควรมี
ความชื้นไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเก็บเกี่ยว) ทำได้ทั้งใช้แรงงานคนหรือใช้เครื่องเก็บเกี่ยว (กรมส่งเสริมการเกษตร,
2553)
1.1 สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและความต้องการของพืช (Crop Requirement)
1) สภาพพื้นที่ ข้าวโพดจะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดอน ดินมีความอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี
สภาพดินไม่เป็นกรดหรือด่างมากเกินไป สภาพพื้นที่ที่เหมาะสมควรเป็นพื้นที่ดอนหรือที่ลุ่มไม่มีน้ำขัง มีความสูงจาก
ระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,000 เมตร และความลาดเอียงไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์
2) ลักษณะดิน ข้าวโพดสามารถขึ้นในดินเกือบทุกชนิดแต่จะให้ผลผลิตต่างกันในแต่ละชนิดดิน
ลักษณะเนื้อดินควรเป็นดินร่วนถึงดินเหนียวที่ง่ายต่อการเตรียมดินและการเก็บกักความชื้น 14 เปอร์เซ็นต์ มีการ
ระบายน้ำและถ่ายเทอากาศดี ระดับหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 25 เซนติเมตร สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพความลึก
ของหน้าดินประมาณ 60 เซนติเมตร สามารถปลูกได้ในดินที่มีสภาพเป็นกรดจัดถึงดินที่มีลักษณะเป็นด่างอ่อนๆ ถ้ามี
การให้ธาตุอาหารเสริมอย่างเพียงพอและให้ผลผลิตที่ดีในช่วงที่มีสภาพ pH 6-7 ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกข้าวโพด
ควรมี pH ระหว่าง 5.5-8 และมีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางมีอินทรียวัตถุไม่ต่ำกว่า 1.0 เปอร์เซ็นต์
3) สภาพภูมิอากาศ ข้าวโพดสามารถปลูกได้ผลดีที่สุดในเขตอบอุ่น (Temperate zone) คือระหว่าง
เส้นแวงที่ 30–40 เหนือและใต้ อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ย 25–35 องศา
เซลเซียส ข้าวโพดสามารถทนอยู่ในช่วงสั้นๆ ที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส และที่อุณหภูมิมากกว่า 45 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิที่ปลูกข้าวโพดได้มีช่วงกว้างระหว่าง 10-40 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงปลูกข้าวโพดได้ตลอดปีและเกือบทุก
ภาคของประเทศไทย อุณหภูมิต่ำสุดที่ใช้ในการงอกของเมล็ดคือ 10 องศาเซลเซียสข้าวโพดเติบโตได้เมื่อความยาว
แสงไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง และไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง
1.2 ฤดูปลูก ปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และปลายฤดูฝนระหว่างเดือน
กรกฎาคม-สิงหาคม ปลูกในช่วงระยะเวลาใดเกษตรกรควรคำนึงถึงช่วงที่ข้าวโพดออกดอก ประมาณ 50 วันหลังปลูก
ต้องมีน้ำเพียงพอและช่วงเก็บเกี่ยวไม่ควรตรงกับช่วงฝนตกชุก
1.3 การปลูกและดูแลรักษา
1) การเตรียมดิน ควรมีการไถ 2 ครั้ง ระยะห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ ครั้งแรกไถดะหรือไถบุกเบิก
(ผาล 3) ครั้งที่ 2 เป็นการไถพรวน (ผาล 7)
2) ระยะปลูกที่เหมาะสม ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร และระหว่างหลุม 20-25 เซนติเมตร หลุม
ละ 1 ต้น โดยใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 3 กิโลกรัมต่อไร่
3) การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน หรือใส่ปุ๋ย 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของดิน ดังนี้
(1) ดินเหนียวสีแดง ใส่ปุ๋ยสูตร 16-20-0 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมปลูก และเมื่อข้าวโพดมี
อายุ ประมาณ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยยูเรีย อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่
(2) ดินเหนียวสีดำ ใส่ปุ๋ยยูเรีย อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 50
กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 1 เดือน
(3) ดินทราย ดินร่วนทราย ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมปลูก และเมื่อ
ข้าวโพดมีอายุ 20-25 วัน ใส่ปุ๋ยยูเรียอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่
ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับปรุงบำรุงดินทุก ๆ 3-4 ปี โดยใส่อัตรา 500-1,000 กิโลกรัมต่อไร่