Page 19 - ศึกษาอัตราส่วนผสมระหว่างปูนมาร์ล กรดซิลิคอนและถ่านชีวภาพเพื่อปั้นเม็ดเพื่อใช้ปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด Study the mixture ratio between marl, silicon and biochar to form pellets for increasing plant growth in acid sulfate soils
P. 19
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
ปลูกรวมถึงการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักสลัดคอส พบว่าการใส่ถ่านชีวภาพในอัตราส่วนที่แตกต่างกันทํา
ให้คุณสมบัติทางเคมีของดินปลูกมีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าความเป็น
กรด-ด่าง (pH) โดยมีค่าสูงขึ้นเมื่ออัตราการใส่ถ่านชีวภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งอธิบายได้ว่า เนื่องจากบริเวณพื้นผิวถ่าน
ชีวภาพจะมีประจุลบของหมู่ฟีนอลิก หมู่ไฮดรอกซิล และหมู่คาร์บอนิล ซึ่งจะทำหน้าที่จับไฮโดรเจนไอออน
(H ) ที่ละลายอยู่ในดิน นอกจากนี้ ซิลิเกต คาร์บอเนต และไบคาร์บอเนตที่ปรากฏอยู่ในถ่านชีวภาพยังช่วยใน
+
การจับไฮโดรเจนไอออนอีกทางหนึ่ง ทำให้ไฮโดรเจนไอออนที่ละลายอยู่ในดินมีปริมาณลดลงส่งผลให้ดินมี
ความเป็นกรดลดลง (pH เพิ่มขึ้น) (Brewer and Brown, 2012) และ (Chintalaet al., 2014) นอกจากนั้น
แล้วปูนมาร์ลยังช่วยเพิ่มความเป็นกรด-ด่างของดินอีกด้วย
2.2 ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (เปอร์เซนต์)
ก่อนดำเนินการทดลองปริมาณอินทรียวัตถุในดินมีเพียง 2.3 เปอร์เซ็นต์ และหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต
ข้าวโพดหวานหวาน พบว่า ทุกตำรับการทดลองปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (ตารางที่ 4) มีการเปลี่ยนแปลง
เพิ่มขึ้น 5.45-6.35 โดยตำรับการทดลองที่มีการใช้ปูนมาร์ลผสมกรดซิลิคอนและถ่านชีวภาพปั้นเม็ดทุก
อัตราส่วนให้ค่าปริมาณอินทรียวัตถุในดินสูงกว่าตำรับควบคุมและตำรับการใช้ซิลิคอนหรือปูนมาร์ลเพียงอย่าง
เดียว ทั้งนี้ อาจเป็นผลเนื่องมาจากถ่านชีวภาพ (ตำรับที่ 4-7) ช่วยดูดซับปริมาณอินทรียวัตถุในดินและช่วยเพิ่ม
ปริมาณคาร์บอนในดิน อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าตำรับทดลองที่ 7 การใช้ปูนมาร์ลผสมกรดซิลิคอนและถ่าน
ชีวภาพ ปั้นเม็ดอัตราส่วน 1 : 1 : 2 ปริมาณอินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้นสูงกว่าตำรับการทดลองอื่นๆ ทั้งนี้
เนื่องจาก ถ่านชีวภาพมีปริมาณเปอร์เซนต์อินทรียวัตถุสูงและจากการวิเคราะห์ถ่านชีวภาพ พบว่า มีปริมาณ
อินทรียวัตถุสูงถึง 7.57 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และช่วยเพิ่มของปริมาณชีว
มวลในดินจากปริมาณเศษซากพืชนั้น ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองปลูกไม้ผลชนิดต่างๆ ของพินิจภณ (2557)
ศึกษาการใช้ถ่านชีวภาพในสภาพดินที่ค่อนข้างเป็นทรายจัด พบว่าการใช้ปุ๋ยหมักร่วมกับถ่านชีวภาพ ทำให้ดิน
มีปริมาณอินทรียวัตถุเพิ่มสูงขึ้น ไม้ผลเจริญเติบโตได้ดีและบางชนิดเริ่มให้ผลผลิต และจากการศึกษาอัตราส่วน
ที่เหมาะสมของถ่านชีวภาพต่อคุณสมบัติทางเคมีของดินปลูกรวมถึงการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักสลัด
คอส พบว่า การใส่ถ่านชีวภาพในอัตราส่วนที่แตกต่างกันทําให้ปริมาณอินทรียวัตถุของดินปลูกมีค่าแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ โดยมีค่าสูงขึ้นเมื่ออัตราการใส่ถ่านชีวภาพเพิ่มขึ้น (เกศศิรินทร์และคณะ, 2557)
นอกจากนั้นการใส่ถ่านชีวภาพร่วมกับการให้ปุ๋ยเคมีในการปลูกข้าวไร่ พบว่า มีผลทำให้ดินที่ระดับความลึก 0-
15 เซนติเมตร ที่ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต มีปริมาณอินทรียวัตถุเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว
(จิตนิภา, 2558)
19