Page 14 - การปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ เพื่อปลูกข้าวโพดหวานอินทรีย์
P. 14

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน






                   ดินเฉลี่ย 2.7 เปอร์เซ็นต์ ได้ปรับเป็นการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในอัตราที่ช่วยยกระดับอินทรียวัตถุในดินเป็น 3 เปอร์เซ็นต์
                   (ต้องการอินทรียวัตถุเพิ่ม 0.3 เปอร์เซ็นต์) โดยอัตราที่ใช้คำนวณจากปริมาณอินทรียวัตถุในดิน และปุ๋ยอินทรีย์
                   แบ่งใส่ 2 ครั้งๆ ละเท่ากัน ครั้งแรกหว่านทั่วแปลงในช่วงเตรียมดิน และใส่ครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดอายุ 30 วัน จาก
                   ผลวิเคราะห์ตัวอย่างดินก่อนการทดลอง (ตารางที่ 11) และผลวิเคราะห์ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งพบว่าปุ๋ยคอกมีปริมาณ

                   อินทรียวัตถุ 40.92 เปอร์เซ็นต์ ปุ๋ยหมักมีอินทรียวัตถุ 25.94 เปอร์เซ็นต์ และปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง มีปริมาณ
                   อินทรียวัตถุ 53.93 เปอร์เซ็นต์ (ตารางผนวกที่ 9) เพื่อยกระดับอินทรียวัตถุในดิน 3 เปอร์เซ็นต์ ได้มีการใช้ปุ๋ย
                   อินทรีย์อัตราต่างๆ ดังนี้ ปุ๋ยคอก 2,287.0 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยหมัก 3,608.0 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยอินทรีย์
                   คุณภาพสูง 1,736.0 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งใช้วิธีการคำนวณ ถ้าต้องการเพิ่มอินทรียวัตถุ 0.3 เปอร์เซ็นต์ ในดิน 1 ไร่
                   ที่มีน้ำหนัก 312,000 กิโลกรัม (ความหนาแน่นรวม 1.31 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร) ต้องใส่อินทรียวัตถุกี่
                   กิโลกรัม
                                 ดิน 100 กิโลกรัม ต้องการอินทรียวัตถุ 0.3 กิโลกรัม
                                 ดิน 312,000 กิโลกรัม ต้องการอินทรียวัตถุ 312,000x0.3  = 936.0 กิโลกรัม
                                                                                                  100

                          ปุ๋ยคอกมีอินทรียวัตถุ 40.92 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจะใช้ปุ๋ยคอกเพิ่มอินทรียวัตถุให้ได้ 0.3 เปอร์เซ็นต์ จะต้อง
                   ใช้ปุ๋ยคอกกี่กิโลกรัม คำนวณได้ ดังนี้
                                 อินทรียวัตถุ 40.92 กิโลกรัม ได้จากปุ๋ยคอก 100 กิโลกรัม
                                 อินทรียวัตถุ 936.0 กิโลกรัม ได้จากปุ๋ยคอก 100x936.0  =  2,287.39 กิโลกรัมต่อไร่

                                                                                                 40.92
                                 ดังนั้น ใช้ปุ๋ยคอก จำนวน 2,287.39 กิโลกรัมต่อไร่
                          ปุ๋ยหมักมีอินทรียวัตถุ 25.94 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ใช้ปุ๋ยหมัก จำนวน 3,608.32 กิโลกรัมต่อไร่

                          และปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง มีอินทรียวัตถุ 53.93 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงในการ
                   ทดลองนี้ จำนวน 1,735.58 กิโลกรัมต่อไร่
                                 5. การปลูกปอเทืองแซมระหว่างแถว วิธีการทดลองที่ 5-8 หว่านเมล็ดปอเทืองระหว่างแถว
                   ข้าวโพด หลังจากปลูกข้าวโพดหวานไปแล้ว 3 วัน ปลูกโดยโรยเมล็ดเป็นแถวใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 10 กิโลกรัมต่อ
                   ไร่  เมื่อถึงระยะออกดอก ตัดในระดับติดพื้นดินแล้ววางคลุมดินในแปลง
                                  6. การปลูกข้าวโพดหวาน ใช้พันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสม ไฮ บริกซ์ 3 ปลูกแบบแถวคู่ ระยะ
                   ระหว่างแถว 120 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถวคู่ 30 เซนติเมตร ระหว่างต้น 30 เซนติเมตร หยอดเมล็ด
                   หลุมละ 2-3  เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกแล้วถอนเหลือ 1 ต้นต่อหลุม และให้น้ำแบบระบบน้ำหยด
                                 7. การดูแลรักษาแปลง กำจัดวัชพืช ป้องกันแมลงศัตรูพืช ปฏิบัติตามหลักการผลิตพืชอินทรีย์

                                 8. เก็บผลผลิตข้าวโพดหวานเมื่อถึงอายุเก็บเกี่ยว
                              การเก็บข้อมูล
                                 1. เก็บตัวอย่างดินก่อนการทดลองโดยสุ่มเก็บทั่วแปลง เก็บตัวอย่างหลังการเก็บผลผลิต และ
                   เมื่อสิ้นสุดการทดลอง เก็บทุกวิธีการ โดยเก็บที่ระดับความลึก 0-15 เซนติเมตร วิเคราะห์หา  pH OM  P  K  Ca
                   Mg  และความหนาแน่นรวมของดิน
                                 2. เก็บตัวอย่างปุ๋ยอินทรีย์ที่นำมาใช้ วิเคราะห์หาสมบัติทางเคมี
                                 3. เก็บข้อมูลการเจริญเติบโต น้ำหนักสด น้ำหนักแห้งของปอเทือง วิเคราะห์หาปริมาณธาตุ

                   อาหาร N P K OC และ C/N ratio
                                 5. เก็บข้อมูลการเจริญเติบโต ผลผลิตและองค์ประกอบผลผลิตข้าวโพด ค่าความหวาน (พื้นที่
                   เก็บเกี่ยวผลผลิต 4x5 ตารางเมตร)
                                  6. บันทึกค่าใช้จ่ายในการลงทุน เพื่อประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19