Page 22 - สถานภาพการชะล้างพังทลายของดินในประเทศไทย Status of Soil Erosion in Thailand
P. 22
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
12
การสูญเสียมวลดินจากการชะล้างพังทลาย โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ที่มีความลาดชันท าให้
เกิดการสูญเสียหน้าดินที่มีธาตุอาหารพืชและอินทรียวัตถุในดินเป็นองค์ประกอบ โครงสร้างของดินถูกท าลาย
จนส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์และความสามารถในการให้ผลผลิตของดินลดลง ถึงระดับที่ไม่สามารถ
ท าการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งปัญหาการจัดการที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับสมรรถนะที่ดิน การใช้ที่ดิน
โดยปราศจากการบ ารุงรักษา รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ เพื่อขยายพื้นที่การเกษตรโดยไม่มีการควบคุม ล้วนแต่
ส่งผลต่อความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินและที่ดินอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ต่อทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ การสูญเสียหน้าดินอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณ
ผลผลิตของเกษตรกร (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
กระบวนการชะล้างพังทลายของดินโดยพลังงานของเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบและปะทะ
กับหน้าดิน ท าให้อนุภาคดินที่ยึดเกาะกันอยู่เกิดการแตกแยกออกจากกัน เมื่อมีปริมาณของฝนมากขึ้น ปริมาณ
ของน้ าฝนจะรวมตัวเป็นน้ าไหลบ่าหน้าดิน และจากแรงของฝนที่ตกลงมาปะทะผิวน้ าที่ไหลบ่าหน้าดินจะท าให้
เกิดการไหลของน้ าในลักษณะที่วกวน ท าให้อนุภาคของดินแตกกระจายมากขึ้น ขณะเดียวกันอนุภาคของดิน
ที่แตกกระจายจะถูกเคลื่อนที่ไปตามแนวราบหรือไปตามความลาดชันของพื้นที่ ในลักษณะของการเคลื่อนที่ต่างๆ กัน
เช่น กลิ้ง กระเด็น เคลื่อนหรือถูกพัดพาไปในสภาพแขวนลอยกับน้ าที่ไหลบ่าไปบนผิวดิน (เกษม และนิพนธ์, 2525)
การชะล้างพังทลายของดิน เกิดจากกระบวนการที่ส าคัญ 3 กระบวนการ ดังนี้
1) กระบวนการแตกกระจาย
(detachment) โดยการกระท าของเม็ดฝนตก กลไกการชะล้างพังทลายของดินโดย
ลงมากระทบกับหน้าดิน และการไหลของน้ า น้ า (Zafirah et al., 2017)
เหนือผิวดิน ท าให้อนุภาคดินแตกกระจายออก
จากกัน
2) กระบวนการเคลื่อนย้าย
อนุภาคดิน (transportation) ภายหลังที่เม็ดฝน
กระทบหน้าดินแล้ว น้ าบางส่วนไหลซึมลงดิน
เมื่อดินอิ่มตัวจนน้ าไม่สามารถไหลซึมลงดินได้
จะท าให้เกิดน้ าไหลบ่าหน้าดิน พัดพาเอาก้อน
ดินเล็กๆ ที่แตกกระจายอยู่บนผิวดินไปด้วย
3) กระบวนการทับถมของอนุภาคดินหรือตะกอน (deposition) โดยอนุภาคดินที่ถูกพัดพา
เคลื่อนย้ายไปกับน้ าไหลบ่าตามแนวราบหรือตามความลาดชันของพื้นที่ ท าให้เกิดการตกตะกอนทับถมผิวหน้าดิน
ในพื้นที่ลุ่มต่ า หรือเกิดการสะสมตะกอนของดินในแหล่งน้ า
กรมชลประทาน (2555) ได้อธิบายค าว่า “ขบวนการเซาะพังทลาย” เมื่อกระแสน้ าไหลผ่าน
พื้นที่ต่างๆ ลงสู่ที่ต่ าตามความลาดชันของพื้นที่จะท าให้เกิดขบวนการกัดเซาะ ผุพัง และสลายตัวของพื้นที่ที่น้ า
ไหลผ่านท าให้เกิดตะกอนและอนุมูลที่น้ าพัดพาเคลื่อนย้ายจากแหล่งเดิมน าไปตกตะกอนทับถมยังแหล่งใหม่
ซึ่งบางครั้งก็อยู่ใกล้กับบริเวณเดิม บางครั้งก็ห่างไกลจากต้นก าเนิดมาก และท าให้เกิดขบวนการกัดเซาะท้องน้ า
และการเซาะพังตลิ่งทั้งสองด้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดตะกอน ความเร็วของกระแสน้ า ปริมาณน้ าที่ไหลผ่าน และ
ความลาดเอียงของพื้นที่ ขบวนการพัดพาและทับถมของตะกอน เกิดขึ้นได้โดยขบวนการ ดังนี้
1) การพัดพาโดยกระแสน้ า เป็นขบวนการที่ส าคัญที่สุด แบ่งออกได้เป็นชนิดต่างๆ
(1) การพัดพาในสภาพสารละลาย (solution load) สารต่างๆ ที่ละลายในน้ าในรูปของสารละลาย
และอนุมูล (colloid and ion) จะถูกพัดออกไปไกลที่สุด เมื่อพบสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมสารละลายก็จะ
ตกตะกอน ได้แก่ อนุมูลโซเดียม แคลเซียม คาร์บอเนต เหล็ก ซิลิกา ซัลเฟต และคลอไรด์ เป็นต้น