Page 57 - การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม
P. 57
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
47
เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมโดยมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทยได้ก าหนดไว้ว่าเกษตรกรที่เข้าร่วมระบบการ
รับรองเกษตรอินทรีย์ PGS จะได้ใบรับรองอย่างเร็วที่สุดคือ 6 เดือน ในกรณีที่เกษตรกรได้ใบรับรอง
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยตรวจรับรองภายนอกแล้ว และใบรับรองนั้นยังไม่หมดอายุ
ซึ่งหมายถึงเกษตรกรเคยผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์มาแล้ว ดังนั้นหากเกษตรกรดังกล่าว
ได้มาเข้าร่วมกระบวนการ PGS ย่อมมีโอกาสสูงที่จะผ่านการรับรอง PGS และใช้เวลาเร็วกว่าผู้ที่ไม่เคย
ผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์มาก่อน กรณีที่เกษตรกรยังไม่เคยได้รับใบรับรองมาตรฐานเกษตร
อินทรีย์มาก่อน จะใช้ระยะเวลา 1 ปี (12 เดือน) เป็นอย่างน้อยในกรณีที่เป็นพืชล้มลุก หรือ 18 เดือน
ในกรณีที่เป็นพืชยืนต้น ซึ่งเป็นไปตามก าหนดระยะเวลาปรับเปลี่ยนในมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ
ประเทศไทย (มกษ. 9000-เล่ม1-2552) โดยเกษตรกรต้องท าตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมี
ส่วนร่วมที่กลุ่มก าหนดร่วมกัน สมาชิกในกลุ่มทุกคนต้องปฏิบัติตาม จึงจะผ่านการรับรองมาตรฐาน
เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม นอกจากนี้สมาชิกยังต้องท าตามกฎกติกาของกลุ่มตามกระบวนการ
PGS อีกด้วย
ปัจจัยเรื่องการฝึกอบรมทั้ง 2 หลักสูตร เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการผ่านการรับรอง PGS
เนื่องจากการเข้ารับการฝึกอบรม จะช่วยให้เกษตรกรได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องเกษตรอินทรีย์
ขั้นตอนกระบวนการ PGS การตรวจประเมินฟาร์มเกษตรอินทรีย์ในระบบ PGS และเมื่อน าความรู้ที่
ได้รับจากฝึกอบรมไปปฏิบัติจริงในการตรวจเยี่ยมฟาร์มเพื่อน เกษตรกรจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง
การท าเกษตรอินทรีย์ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ แนวทางการแก้ไขปัญหา และช่วยกันปรับปรุงให้ฟาร์ม
ของเพื่อนและของตนเองให้เป็นไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ การร่วมกันไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเพื่อน
จึงเป็นวิธีการเรียนรู้ทางลัดไปสู่ความส าเร็จในการท าเกษตรอินทรีย์ ท าให้มีโอกาสที่จะผ่านการรับรอง
PGS ได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่ไม่ผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร แต่มีความเข้าใจในการ
ด าเนินการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน และมีส่วนร่วมตามกระบวนการ PGS กับกลุ่ม
อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถผ่านการรับรองเกษตรอินทรีย์ PGS ได้เช่นกัน
การฝึกอบรมเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่เกษตรกร เป็นพื้นฐานส าคัญที่ท าให้
เกษตรที่เข้าร่วมโครงการมีความรู้ ความเข้าใจในการท าการเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ในขณะที่
ระยะเวลาในการท าเกษตรอินทรีย์ จะช่วยให้เกษตรกรมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการท า
การเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ดังนั้นในการศึกษานี้จึงพบว่า ปัจจัยด้านประสบการณ์ในการท าเกษตร
อินทรีย์ และการเข้าร่วมการฝึกอบรมต่าง ๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการผ่านการรับรอง
PGS ของเกษตรกรทั้งสิ้น ซึ่งผลการศึกษาสอดคล้องกับพนิดา (2553) ที่ได้ศึกษาเรื่องการยอมรับการ
พัฒนาเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกรในอ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ : กรณีศึกษา การรับรองมาตรฐาน
ข้าวอินทรีย์จากส านักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับการ
พัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ระยะเวลาที่ท าเกษตรอินทรีย์
ประสบการณ์เกี่ยวกับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ การเคยผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ทั้งประเภทพืชและสัตว์ ปริมาณข้าวที่ผลิตได้ต่อปี ต้นทุนการประกอบอาชีพ การได้รับข่าวสาร
การได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน การให้คุณค่าสุขภาพ และความรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าว
อินทรีย์ นอกจากนั้นยังสอดคล้องกับแนวคิดเกี่ยวกับขั้นตอนการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบ
มีส่วนร่วมที่ได้ระบุไว้ว่า เกษตรกรที่จะสามารถผ่านขั้นตอนการรับรองได้ จะต้องมีการเรียนรู้ท าความ