Page 10 - การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม
P. 10
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันการผลิตแบบเกษตรเคมีที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อการแข่งขัน
เป็นหลักได้ท าให้เกิดการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นจ านวนมากเพื่อเร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช และมีการใช้
สารเคมีก าจัดวัชพืช และศัตรูพืชเป็นจ านวนมากจนก่อให้เกิดสารพิษปนเปื้อนในผลผลิตของเกษตรกร
ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อีกทั้งท าให้มีสารเคมีตกค้างในดินส่งผลให้ทรัพยากรดิน และสิ่งแวดล้อม
เสื่อมโทรมลง นอกจากนี้การผลิตในระบบเกษตรเคมี มีต้นทุนการผลิตทางการเกษตรสูงเพิ่มมากขึ้น
จากการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร เนื่องจากราคาปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร
มีราคาแพง ซึ่งจากสภาพปัญหาดังกล่าว ท าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นถึงความส าคัญที่จะต้อง
ท าการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลได้มีการประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการน าเอา
แนวคิดการท าเกษตรอินทรีย์มาเป็นกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
กรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจด้านการพัฒนาและจัดการที่ดิน การฟื้นฟู
ความอุดมสมบูรณ์ของดิน การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์สารอินทรีย์เพื่อลดการใช้สารเคมีทาง
การเกษตร กรมฯ จึงมีแผนงานด าเนินงานโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
โดยให้การสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรที่มีความพร้อมและเต็มใจเข้าสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วม
โครงการ ให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่จ าเป็นส าหรับการผลิตในระบบเกษตร
อินทรีย์ เจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดินท าหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเกษตรอินทรีย์ให้กับกลุ่มเกษตรกร
เพื่อด าเนินการสมัครขอรับการรับรองจากหน่วยตรวจรับรองภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น
กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว และส านักมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) ทั้งนี้จากผลการ
ด าเนินงานมาระยะหนึ่งพบว่า การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านมามุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อการส่งออก
ผู้ผลิตและผู้บริโภคอยู่ห่างกัน และจะต้องได้รับการรับรองจากหน่วยตรวจรับรองบุคคลที่สามเท่านั้น
ท าให้เกษตรอินทรีย์ทั่วโลกไม่เกิดความยั่งยืนที่แท้จริง ไม่สามารถขยายตัวได้ทันกับโลกที่มีการ
เปลี่ยนแปลง และตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพบว่าการรับรองโดย
หน่วยตรวจรับรอง ไม่ได้เหมาะกับเกษตรอินทรีย์ทุกระบบที่มีความหลากหลายของวิถีการผลิต
เนื่องจากการขอรับการรับรองจากหน่วยตรวจรับรองเอกชนมีค่าใช้จ่ายในการตรวจรับรองที่สูง
เกษตรกรรายย่อยที่ผลิตเกษตรอินทรีย์จึงไม่สามารถจ่ายค่าตรวจรับรองได้ และในกรณีที่ขอรับ
บริการตรวจรับรองจากหน่วยตรวจรับรองภาครัฐ ในบางปีอาจไม่ได้รับการตรวจรับรอง เนื่องจาก
ภาครัฐมีงบประมาณจ ากัด และพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่สามารถให้บริการตรวจรับรองได้ทันเวลา
ส่งผลให้เกษตรกรเสียโอกาสที่จะได้ใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ด้วยเหตุนี้ ในปี พ.ศ. 2558 กรมพัฒนาที่ดินได้ร่วมกับมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย สนับสนุน
ด้านเทคนิควิชาการในการพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ด้วยกระบวนการรับรองแบบ
มีส่วนร่วมใช้หลักการ PGS ของ IFOAM และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเทศไทย (Thai Standard
Agriculture) มกษ.9000 เล่ม 1 และเล่ม 2 ปรับประยุกต์เข้ากับบริบทของเกษตรกรย่อยในแต่ละ
พื้นที่ของประเทศไทย โดยเริ่มน าร่องด าเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 - ปี พ.ศ.2559 ภายใต้โครงการ
ส่งเสริมการใช้ระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วมให้กับเกษตรกรรายย่อยที่เป็นผู้ผลิตระบบเกษตร
อินทรีย์ในประเทศไทย (Promoting Participatory Guarantee Systems (PGS) for Small Scale