Page 65 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี บ้านดอยช้าง หมู่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
P. 65

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                       49



                   บ่ารุงดินติดต่อกันเป็นเวลานานจะท่าให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ท่าให้ผลผลิตลดลงต้องใช้ปุ๋ยเคมีมากขึ้น
                   เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น การปรับปรุงบ่ารุงดินโดยการเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ท่าให้ดินจับตัว

                   กันเป็นก้อนเล็ก ๆ ร่วนซุย ไถพรวนง่ายระบายน้่า และอากาศได้ดี รากพืชก็จะเจริญเติบโตได้ดีทนทานต่อ
                   การชะล้างดีขึ้นดินอุ้มน้่าได้มากขึ้น และลดการระเหยน้่าออกจากดินดูดซับธาตุอาหารพืชไว้เป็นประโยชน์
                   แก่พืชได้มากขึ้นฯลฯ การปรับปรุงบ่ารุงดินโดยการเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินมีหลายวิธี เซ่น การใช้ปุ๋ยคอก
                   การใช้ปุ๋ยหมัก การใช้ปุ๋ยพืชสด เป็นต้น การปรับปรุงบ่ารุงดินควรใช้หลายวิธีร่วมกันและควรมีการปฏิบัติ

                   อย่างต่อเนื่องเพื่อคงความอุดมสมบูรณ์ของดินอยู่เสมอ และจะส่งผลต่อการผลิตพืชผล ในระยะยาวต่อไป
                   (กรมพัฒนาที่ดิน, 2553)
                              การปรับปรุงบ่ารุงดินเป็นการพัฒนาที่ดินที่ไม่เหมาะสมต่อการเกษตร ให้สามารถใช้ท่าการ
                   เพาะปลูกให้เจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ตามปกติ หรือปรับปรุงบ่ารุงดินให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์

                   เหมาะสมในการปลูกพืชให้เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีอย่างยั่งยืน การท่าการเกษตรติดต่อกันเป็นระยะ
                   เวลานานโดยขาดการปรับปรุงบ่ารุงดินเช่น การเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินจะส่งผลต่อสมบัติของดินทั้งทาง
                   กายภาพเคมี และชีวภาพ ท่าให้ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยหลักการปรับปรุงบ่ารุงดิน คือ
                   การจัดการเพื่อมุ่งสู่การท่าให้ดินอยู่ในสภาพที่เหมาะสม ส่าหรับพืชที่ต้องการปลูกในดินเดียวกันหากปลูก

                   พืชต่างชนิดกัน อาจจะมีรายละเอียดของการปรับปรุงดินต่างกัน ดั้งนั้น ควรมีการตรวจสอบดินและ
                   วิเคราะห์ดินซึ่งจะน่าไปสู่วิธีการปรับปรุงบ่ารุงดิน การจัดการดินเป็นการท่าให้ดินเหมาะสมกับพืชทั้งก่อน
                   หรือหลังปลูก การจัดการอาจเป็นการเตรียมการก่อนปลูกหรือหลังปลูกก็ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่ปลูก

                   การปลูกพืชล้มลุกหรือพืชอายุสั้น ควรใช้วิธีการเตรียมการก่อนปลูก ส่วนการปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้นอาจ
                   ใช้การเตรียมการก่อนปลูกหรือการจัดการหลังปลูกก็ได้ แต่ดีที่สุดคือควรมีการจัดการทั้งก่อนและหลังปลูก
                   ตามความเหมาะสม (นันทรัตน์, 2558)

                            3.7.3 การเตรียมดินส่าหรับปลูกพืช
                              1) ส่าหรับปลูกพืชไร่ ให้ท่าการไถเตรียมดินปลูกพืชไร่ขวางความลาดเทของพื้นที่ ท่าคันดิน

                   ขวางความลาดเทของพื้นที่ช่วยชะลอการไหลบ่าของน้่าที่ผิวดินเมื่อฝนตกหนัก ขุดบ่อดักตะกอน เพื่อช่วย
                   ชะลอการไหลบ่าของน้่าที่ผิวดิน และยังสามารถใช้น้่าเสริมในการเพาะปลูก น่ามาตรการอนุรักษ์ดินและน้่า
                   ทางพืชมาใช้ เช่น การปลูกพืชเป็นแถบสลับกับการปลูกพืชเป็นแถว ขวางความลาดเทของพื้นที่ การปลูก
                   พืชตระกูลถั่วแซมพืชหลัก เป็นต้น ใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก อัตรา 1.5-2.0 ตันต่อไร่ หรือปลูกพืชปุ๋ยสดแล้ว
                   ไถกลบลงดินเมื่อปุ๋ยพืชออกดอกได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ปลูกพืชตระกูลถั่วสลับกับพืชไร่หลักหรือปลูก

                   พืชตระกูลถั่วแซมกับพืชหลัก จะช่วยรักษาและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและยังช่วยเพิ่ม
                   ความสามารถ ในการอุ้มน้่าของดินอีกทางด้วย
                              2) การเตรียมดินส่าหรับปลูกไม้ผล และไม้ยืนต้น ปรับพื้นที่ให้ราบหรือค่อนข้างราบ ถ้าพื้นที่

                   ลาดเอียงเกิน 12 องศา ให้ปรับพื้นที่เป็นขั้นบันได ไถดินและไถพรวน เพื่อเตรียมดิน อย่างน้อยจ่านวน 2
                   ครั้ง แต่ละครั้งมีช่วงตากดิน 7-14 วัน แล้วคราดเก็บเศษวัชพืชข้ามปีออกจากแปลง ดินที่ขุดขึ้นมาให้แยก
                   ชั้นบนและล่างไว้คนละกอง ตากดินและหลุมไว้ 15-20 วัน ระยะปลูกระหว่างต้น x  ระหว่างแถว เท่ากับ
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70