Page 29 - แผนบริหารจัดการทรัพยากรดินปัญหาของประเทศไทยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561 - 2580)
P. 29

8
                                                             7

                                                                                                                                                  (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2548; กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                           กำรจ ำแนกสมรรถนะของที่ดิน เป็นการจ าแนกที่ดินออกเป็นชั้นๆ ตามความสามารถในการ
                                                                                                                                                         ดินมีควำมอุดมสมบูรณ์ต่ ำ หมายถึง ดินที่มีการประเมินระดับความอุดมสมบูรณ์จากค่า
                    ผลิตและข้อจ ากัดในการใช้ประโยชน์ รวมทั้งการตอบสนองต่อการจัดการดิน (soil management)
                                                                                                                                                  วิเคราะห์ของปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกต่ า ความอิ่มตัวเบส
                                                                                                                                                  ปริมาณธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอยู่ในระดับต่ า (สถิระ และคณะ, 2558)
                    เน้นหนักในด้านพืชที่ดอน (upland crops) โดยเฉพาะพืชไร่ที่ดอนและประโยชน์ด้านอื่นๆ ได้มีการ
                                                                                                                                                         ดินปัญหำ หมายถึง ดินที่มีคุณภาพอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ค่อย
                    จ าแนกชั้นสมรรถนะที่ดิน (Land Capability Class) ออกเป็น 8 ชั้น (Classes) โดยเขียนสัญลักษณ์
                                                                                                                                                  เหมาะสมที่จะน ามาใช้ปลูกพืชเศรษฐกิจ ท าให้ผลผลิตต่ าและต้องมีการจัดการดินเป็นกรณีพิเศษกว่า
                    แทนสมรรถนะที่ดินด้วยตัว U และใช้เลขโรมันแทนชั้นสมรรถนะที่ดิน มีตั้งแต่ U-I ถึง U-VIII ลักษณะ
                    ของดินที่น ามาใช้วินิจฉัยสมรรถนะที่ดินจะเป็นลักษณะที่ถาวรหรือเปลี่ยนแปลงได้ยาก เช่น ความลาดชัน
                                                                                                                                                  ดินทั่วไป จึงจะสามารถใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกและให้ผลผลิตดีเท่าที่ควร ดินที่มีปัญหาเป็น
                    ของภูมิประเทศ ความลึกของดิน แนวโน้มที่จะเกิดการชะล้างพังทลายของดินหรือหลักฐานในอดีต
                                                                                                                                                  ลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นเมื่อสภาพธรรมชาติถูกท าให้เปลี่ยนแปลง
                                                                                                                                                  (กรมพัฒนาที่ดิน, 2532; พิชิต, 2557)
                    เนื้อดิน โครงสร้าง ความสามารถในการอุ้มน้ าของดิน ความเค็ม สภาพกรดด่างของดิน การขาดน้ าใน
                                                                                                                                                         ดินที่มีปัญหำทำงด้ำนกำรเกษตร หมายถึง ดินที่มีสมบัติทางกายภาพและเคมีไม่เหมาะสม
                    ฤดูเพาะปลูก สภาพน้ าท่วม ความเปียกเกินพอของดิน การมีหินโผล่ที่ผิวหน้า ชนิดของแร่ดินเหนียว
                                                                                                                                                  หรือเหมาะสมน้อยส าหรับการเพาะปลูก ท าให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตตามปกติได้
                    โดยชั้นที่ I เป็นที่ดินที่เหมาะสมต่อการเกษตรมากที่สุด มีข้อจ ากัดน้อยหรือไม่มีเลย ชั้นที่ II ถึงชั้นที่
                                                                                                                                                  ส่วนใหญ่เป็นดินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้แก่ ดินอินทรีย์ ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด
                    VIII จะมีข้อจ ากัดการใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ดินในชั้นสมรรถนะ U-I ถึง U-IV เท่านั้นที่เหมาะสมต่อการ
                                                                                                                                                  ดินปนกรวด และดินตื้น นอกจากนี้ยังรวมถึงพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ซึ่งถ้ามีการใช้ประโยชน์ด้าน
                    ปลูกพืชไร่หรือพืชที่ดอนได้ดี และให้ผลคุ้มค่าต่อการลงทุน ส่วนชั้น U-V ถึง U-VIII นั้น จะมีข้อจ ากัด
                    เพิ่มขึ้นมากและเสี่ยงต่อการลงทุน ซึ่งสมควรใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ มากกว่าในการปลูก พืชไร่หรือ
                                                                                                                                                  การเกษตรแล้ว จะท าให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง หากว่าจะใช้ดิน
                    พืชที่ดอน (กองบริรักษ์ที่ดิน, 2506; สถิระ และคณะ, 2558)
                                                                                                                                                  เหล่านี้ในการปลูกพืชแล้ว จ าเป็นต้องมีการจัดการเพื่อแก้ไขสภาพของดินให้เหมาะสมก่อนการปลูกพืช
                           กำรประเมินควำมเหมำะสมของดิน หมายถึง การประมาณศักยภาพหรือความเหมาะสม
                                                                                                                                                  เสียก่อน (ส านักส ารวจและวิจัยทรัพยากรดิน, 2553; พิชิต, 2557)
                                                                                                                                                         ดินปัญหำที่เกิดตำมสภำพธรรมชำติ หมายถึง ดินปัญหาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
                    ของดินบริเวณใดบริเวณหนึ่ง เพื่อน าไปใช้ประโยชน์ส าหรับกิจกรรมประเภทใดประเภทหนึ่งหรือชนิด
                    ใดชนิดหนึ่งให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า และเป็นการรักษาศักยภาพการผลิต
                                                                                                                                                  อันเนื่องมาจากปัจจัยที่ให้ก าเนิดดิน ซึ่งประกอบด้วย วัตถุต้นก าเนิดดิน สภาพพื้นที่ สภาพภูมิอากาศ
                    ของที่ดินให้ใช้ประโยชน์ได้ยาวนาน การประเมินความเหมาะสมของดินสามารถท าได้หลายระบบ
                                                                                                                                                  พืชพรรณที่ขึ้นปกคลุม และระยะเวลาที่เกิดดิน ได้แก่ ดินอินทรีย์ ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัดหรือดินกรด
                                                                                                                                                  ก ามะถัน ดินทราย และดินตื้น (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                    ทั้งระบบการจ าแนกสมรรถนะที่ดิน (Land Capability Classification) ของกระทรวงเกษตร
                                                                                                                                                         ดินอินทรีย์ หมายถึง ดินที่มีสารอินทรีย์ในรูปของอินทรีย์คาร์บอนอยู่ในเนื้อดินมากกว่า
                    สหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture : USDA) หรือการจ าแนกความ
                                                                                                                                                  ร้อยละ 20 โดยจะพบการสะสมของอินทรียวัตถุเป็นชั้นหนามากกว่า 40 เซนติเมตร มีซากพืชที่ผุพัง
                    เหมาะสมของที่ดินส าหรับพืชเศรษฐกิจ (Land Suitability Classification for Economic Crops)
                                                                                                                                                  และยังสลายตัวไม่หมดปะปนอยู่ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                    (สถิระ และคณะ, 2558)
                           กำรจ ำแนกควำมเหมำะสมของที่ดินส ำหรับพืชเศรษฐกิจ เป็นการจัดหมวดหมู่ของที่ดินตาม
                                                                                                                                                         ดินเค็ม หมายถึง ดินที่มีเกลือที่ละลายได้ในสารละลายดินปริมาณมาก จนกระทบต่อการ
                                                                                                                                                  เจริญเติบโตและผลผลิตของพืช สังเกตโดยดูจากคราบเกลือจะเห็นคราบเกลือเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะ
                    ความเหมาะสมของที่ดินเมื่อน าเอามาปลูกพืชเศรษฐกิจแต่ละชนิดหรือแต่ละกลุ่ม เป็นการน าเอา
                                                                                                                                                  ในฤดูแล้ง พืชมักจะแสดงอาการใบไหม้ ล าต้นแคระแกร็น ตายเป็นหย่อมๆ ดินเค็มมีค่าการน าไฟฟ้า
                    ลักษณะถาวรหรือเป็นลักษณะที่ยากต่อการเปลี่ยนแปลงมาพิจารณา เพื่อแบ่งแยกออกเป็นหมวดหมู่
                    ตามข้อจ ากัดที่มีผลต่อการเจริญเติบโต โดยจ าแนกตามความรุนแรงของข้อจ ากัดหรืออัตราเสี่ยงต่อ                                       น าไปใช้ประโยชน์ได้มีปริมาณที่พอเหมาะและสมดุล จะช่วยให้พืชมีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี
                                                                                                                                                  ของสารละลายที่สกัดจากดินที่อิ่มตัวด้วยน้ ามากกว่า 2 เดซิซีเมนส์ต่อเมตร ที่อุณหภูมิ 25 องศา
                    ความเสียหายถ้าน าเอามาใช้ในการปลูกพืชที่ระบุไว้ เป็นการจัดชั้นความเหมาะสมของที่ดินเฉพาะ                                       เซลเซียส (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                                                                                          ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                             แผนบริหารจัดการทรัพยากรดินปัญหาของประเทศไทย
            8       ในช่วงฤดูฝน แบ่งประเภทการจ าแนกความเหมาะสมของที่ดินออกเป็น 5 ชั้น คือ I-เหมาะสมดีมาก                                                 ดินเค็มชำยทะเล หมายถึง ดินที่เกิดจากอิทธิพลของน้ าทะเลท่วมถึงหรือเคยท่วมมาก่อน
                             ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580)
                    II-เหมาะสมอย่างดี III-เหมาะสมปานกลาง IV-ไม่ค่อยเหมาะสม และ V-ไม่เหมาะสม ส าหรับข้าว                                           บริเวณที่มีสภาพพื้นที่เป็นที่ลุ่ม น้ าทะเลท่วมถึง วัตถุต้นก าเนิดดินเป็นตะกอนน้ าทะเลและน้ ากร่อย
                    (P-Paddy) พืชไร่ (N-Non-flooded annual crops) ไม้ผล (F-Fruit trees) และ 3 ชั้น คือ                                            ดินบริเวณนี้จะมีความชื้นของดินสูงและมีความเค็มสูง พืชพรรณที่ขึ้นในบริเวณนี้เป็นไม้ชายเลน
                                                                                                                                                                                           9
                    I-เหมาะสม II-ไม่ค่อยเหมาะสม และ III-ไม่เหมาะสม ส าหรับพืชเฉพาะอย่าง ได้แก่ ยางพารา                                            ซึ่งทนเค็มได้ดี เช่น โกงกาง แสม ล าพู เป็นต้น และบริเวณที่น้ าทะเลเคยท่วมถึงมาก่อน เกิดจาก
                    (R-Pararubber) มะพร้าว (C-Coconut) ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ถาวร (L-Permanent pasture or                                              ตะกอนน้ าทะเลและตะกอนน้ ากร่อย เป็นดินที่มีความเหนียวสูง บางแห่งอาจพบชั้นทรายและเปลือก
                    Rangeland Livestock Farming) (กองส ารวจดิน, 2523; กองส ารวจและจ าแนกดิน, 2543; สถิระ                                          หอยในดินชั้นล่าง (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                    และคณะ, 2558)                            8                                                                                             ดินเค็มบกภำคตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง ดินที่มีการสะสมเกลือจากการละลายของหิน
                           ควำมอุดมสมบูรณ์ของดิน (Soil Fertility) หมายถึง ความสามารถของดินในการให้ธาตุ                                            เกลือหรือจากน้ าใต้ดินที่มีเกลือละลายน้ าอยู่มาก ท าให้พบชั้นสะสมเกลือมาก นอกจากนี้ ยังมีดินเค็ม
                    อาหารที่จ าเป็นเพื่อการเจริญเติบโตของพืช กล่าวคือเมื่อธาตุอาหารในดินที่อยู่ในรูปที่พืชสามารถ                                  ที่พบคราบเกลือที่ผิวดินและได้รับผลกระทบจากความเค็ม โดยพิจารณาจากคราบเกลือในฤดูแล้ง
                    น าไปใช้ประโยชน์ได้มีปริมาณที่พอเหมาะและสมดุล จะช่วยให้พืชมีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี                                   เป็นหลักด้วย (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                    (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2548; กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)                                                                               ดินเค็มบกภำคกลำง หมายถึง ดินในพื้นที่ที่เคยมีน้ าทะเลท่วมถึงมาก่อน และเกิดจากการ
                           ดินมีควำมอุดมสมบูรณ์ต่ ำ หมายถึง ดินที่มีการประเมินระดับความอุดมสมบูรณ์จากค่า                                          ทับถมของตะกอนน้ าทะเลและตะกอนน้ ากร่อยอยู่ใต้ตะกอนน้ าจืด เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไม่
                    วิเคราะห์ของปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกต่ า ความอิ่มตัวเบส                                      เหมาะสม เช่น การน าน้ าใต้ดินที่มีความเค็มมาใช้ในการเกษตร และการชลประทานมากเกินไปอย่าง
                    ปริมาณธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอยู่ในระดับต่ า (สถิระ และคณะ, 2558)                                      ไม่เหมาะสม การขุดหน้าดินขาย ท าให้เกลือที่อยู่ใต้ผิวดินเคลื่อนย้ายมาสู่ผิวดิน เกิดการแพร่กระจาย
                           ดินปัญหำ หมายถึง ดินที่มีคุณภาพอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ค่อย                                     ของพื้นที่ดินเค็ม (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
                    เหมาะสมที่จะน ามาใช้ปลูกพืชเศรษฐกิจ ท าให้ผลผลิตต่ าและต้องมีการจัดการดินเป็นกรณีพิเศษกว่า                                           กำรแพร่กระจำยดินเค็ม หมายถึง การที่เกลือเคลื่อนย้ายขึ้นมาบนผิวดินเกิดขึ้นได้ทั้งสภาพ
                    ดินทั่วไป จึงจะสามารถใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกและให้ผลผลิตดีเท่าที่ควร ดินที่มีปัญหาเป็น                                       ตามธรรมชาติและเกิดขึ้นโดยมนุษย์ เมื่อเกิดการสลายตัวผุพังสลายตัวของหินดินดานหรือหินทรายที่มีเกลือ
                    ลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นเมื่อสภาพธรรมชาติถูกท าให้เปลี่ยนแปลง                                       หรือการระเหยของน้ าใต้ดินเค็มที่อยู่ใกล้ผิวดินและพาเกลือขึ้นมาสะสมที่ผิวดิน การแพร่กระจาย
                    (กรมพัฒนาที่ดิน, 2532; พิชิต, 2557)                                                                                           คราบเกลือเกิดขึ้นโดยมนุษย์ ได้แก่ การตัดไม้ท าลายป่าบนพื้นที่เนินซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ า การท านาเกลือ
                           ดินที่มีปัญหำทำงด้ำนกำรเกษตร หมายถึง ดินที่มีสมบัติทางกายภาพและเคมีไม่เหมาะสม                                          การใช้น้ าชลประทานที่ไม่เหมาะสม และเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ ท าให้เกิด
                    หรือเหมาะสมน้อยส าหรับการเพาะปลูก ท าให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตตามปกติได้                                         ความไม่สมดุลของระบบน้ าใต้ดินเค็ม ซึ่งจะยกระดับขึ้นมาใกล้ผิวดิน ส่งผลให้มีคราบเกลือบนผิวดิน
                    ส่วนใหญ่เป็นดินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้แก่ ดินอินทรีย์ ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด                                  มากขึ้น (กรมพัฒนาที่ดิน, 2556)
                    ดินปนกรวด และดินตื้น นอกจากนี้ยังรวมถึงพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ซึ่งถ้ามีการใช้ประโยชน์ด้าน                                         ปริมำณครำบเกลือ เป็นการศึกษาปริมาณคราบเกลือที่ผิวดินที่พบในฤดูแล้ง มาเป็นเกณฑ์ใน
                    การเกษตรแล้ว จะท าให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง หากว่าจะใช้ดิน                                          การจัดท าหน่วยแผนที่ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินใช้สภาพพื้นที่ คราบเกลือ และชั้นหินที่รองรับเป็นเกณฑ์ใน
                    เหล่านี้ในการปลูกพืชแล้ว จ าเป็นต้องมีการจัดการเพื่อแก้ไขสภาพของดินให้เหมาะสมก่อนการปลูกพืช                                   การก าหนดหน่วยแผนที่ดินเค็มออกเป็น 6 หน่วย (พิชัย, 2538; สมศักดิ์, 2550) ได้แก่
                    เสียก่อน (ส านักส ารวจและวิจัยทรัพยากรดิน, 2553; พิชิต, 2557)                                                                            หน่วยที่ 1 บริเวณที่ลุ่มที่มีเกลือมากที่สุด  พบคราบเกลืออยู่ทั่วไปบนผิวดินมากกว่า
                           ดินปัญหำที่เกิดตำมสภำพธรรมชำติ หมายถึง ดินปัญหาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ                                                  ร้อยละ 50 ของพื้นที่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างเปล่า มีนาข้าวเป็นส่วนน้อย พืชที่ขึ้นได้มักเป็น
                    อันเนื่องมาจากปัจจัยที่ให้ก าเนิดดิน ซึ่งประกอบด้วย วัตถุต้นก าเนิดดิน สภาพพื้นที่ สภาพภูมิอากาศ                              ไม้ทรงพุ่มมีหนาม เช่น หนามแดง หนามพรม หนามปี เป็นต้น น้ าใต้ดินในบริเวณนี้เค็มจัดและอยู่ใน
                    พืชพรรณที่ขึ้นปกคลุม และระยะเวลาที่เกิดดิน ได้แก่ ดินอินทรีย์ ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัดหรือดินกรด                                 ระดับตื้นมาก
                    ก ามะถัน ดินทราย และดินตื้น (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)                                                                                       หน่วยที่ 2 บริเวณที่ลุ่มที่มีเกลือมาก พบคราบเกลือเป็นหย่อมๆ บนผิวดินร้อยละ 10-50
                           ดินอินทรีย์ หมายถึง ดินที่มีสารอินทรีย์ในรูปของอินทรีย์คาร์บอนอยู่ในเนื้อดินมากกว่า                                    ของพื้นที่ ส่วนใหญ่ใช้ปลูกข้าว แต่มีผลผลิตต่ ามาก พืชพันธุ์ธรรมชาติ ได้แก่ สะแก ตาล และต้นไม้
                    ร้อยละ 20 โดยจะพบการสะสมของอินทรียวัตถุเป็นชั้นหนามากกว่า 40 เซนติเมตร มีซากพืชที่ผุพัง                                       ทนเค็มบางชนิด น้ าใต้ดินเป็นน้ าเค็มและอยู่ในระดับค่อนข้างตื้น
                    และยังสลายตัวไม่หมดปะปนอยู่ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)                                                                                       หน่วยที่ 3 บริเวณที่ลุ่มที่มีเกลือปานกลาง พบคราบเกลือบนผิวดินร้อยละ 1-10 ของพื้นที่
                           ดินเค็ม หมายถึง ดินที่มีเกลือที่ละลายได้ในสารละลายดินปริมาณมาก จนกระทบต่อการ                                           โดยทั่วไปใช้ท านา พืชพันธุ์ธรรมชาติที่พบส่วนใหญ่เป็นพวกไม้เต็งรัง บริเวณนี้น้ าใต้ดินเป็นน้ ากร่อย
                    เจริญเติบโตและผลผลิตของพืช สังเกตโดยดูจากคราบเกลือจะเห็นคราบเกลือเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะ                                          อยู่ลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 1-2 เมตรจากผิวดิน
                    ในฤดูแล้ง พืชมักจะแสดงอาการใบไหม้ ล าต้นแคระแกร็น ตายเป็นหย่อมๆ ดินเค็มมีค่าการน าไฟฟ้า                                                  หน่วยที่ 4 บริเวณที่ลุ่มที่มีเกลือน้อย โดยทั่วไปเป็นนาข้าว และมีต้นไม้หลายชนิดขึ้น
                    ของสารละลายที่สกัดจากดินที่อิ่มตัวด้วยน้ ามากกว่า 2 เดซิซีเมนส์ต่อเมตร ที่อุณหภูมิ 25 องศา                                    ปะปนอยู่ ไม่พบคราบเกลือบนผิวดิน แต่อาจจะพบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของพื้นที่ น้ าใต้ดินเป็น
                    เซลเซียส (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)                                                                                               น้ ากร่อยหรือน้ าเค็มที่อยู่ลึกมากกว่า 2 เมตรจากผิวดิน บริเวณนี้มีโอกาสที่จะเป็นดินเค็มได้ ถ้าระดับ
                           ดินเค็มชำยทะเล หมายถึง ดินที่เกิดจากอิทธิพลของน้ าทะเลท่วมถึงหรือเคยท่วมมาก่อน                                         น้ าใต้ดินยกตัวสูงขึ้น
                    บริเวณที่มีสภาพพื้นที่เป็นที่ลุ่ม น้ าทะเลท่วมถึง วัตถุต้นก าเนิดดินเป็นตะกอนน้ าทะเลและน้ ากร่อย                                        หน่วยที่ 5 บริเวณที่สูงที่รองรับด้วยหินเกลือ ได้แก่ เนินที่สูง ซึ่งใช้ในการปลูกพืชไร่
                    ดินบริเวณนี้จะมีความชื้นของดินสูงและมีความเค็มสูง พืชพรรณที่ขึ้นในบริเวณนี้เป็นไม้ชายเลน                                      ทั่วๆ ไป บริเวณนี้ไม่พบคราบเกลือบนผิวดิน ระดับน้ าใต้ดินอยู่ลึกอาจเป็นน้ าจืด น้ ากร่อย หรือน้ าเค็ม
                    ซึ่งทนเค็มได้ดี เช่น โกงกาง แสม ล าพู เป็นต้น และบริเวณที่น้ าทะเลเคยท่วมถึงมาก่อน เกิดจาก                                    ก็ได้ บริเวณนี้ยังคงมีชั้นหมวดหินมหาสารคาม (Mahasarakram formation) รองรับอยู่ข้างล่าง
                    ตะกอนน้ าทะเลและตะกอนน้ ากร่อย เป็นดินที่มีความเหนียวสูง บางแห่งอาจพบชั้นทรายและเปลือก
                    หอยในดินชั้นล่าง (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34