Page 142 - แนวทางการประเมินกำลังผลิตของดินสำหรับปลูกมันสำปะหลังจังหวัดนครราชสีมา
P. 142
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
109
หรือสีน้ําตาลแดง บางแห่งอาจมีศิลาแลงอ่อนปนอยู่ด้วย ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ํา มี
ปฏิกิริยาเป็นกรดจัดมากถึงกรดเล็กน้อย (pH 5.0-6.5)
ปัญหาสําคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้แก่ เนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทรายและดินล่าง
แน่นทึบไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช ถ้าฝนตกลงมาดินจะมีน้ําแช่ขัง แต่ถ้าฝนทิ้งช่วงดินจะขาดน้ํา
ปัจจุบันพื้นที่นี้มักปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือเป็นป่าละเมาะเล็กๆ บางพื้นที่ใช้ทํานา แต่มักให้ผลผลิตต่ํา
ตัวอย่างชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ชุดดินนาดูน (Nad)
8) กลุ่มชุดดินที่ 20
เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินทราย เกิดจากวัตถุต้น
กําเนิดดินพวกตะกอนลําน้ํา หรือจากการสลายตัวผุพังอยู่กับที่ หรือจากการสลายตัวผุพังแล้วถูกเคลื่อนย้าย
มาทับถมของวัสดุเนื้อหยาบ ที่มีชั้นหินเกลือรองรับอยู่ หรืออาจได้รับอิทธิพลจากการแพร่กระจายของเกลือ
ทางผิวดินมีคราบเกลือลอยหน้าหรือมีชั้นดานแข็งที่สะสมเกลือ เนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินทราย
ส่วนดินล่างเป็นชั้นดินแน่นทึบที่มีการสะสมเกลือโซเดียม มีเนื้อดินร่วนเหนียวปนทราย หรือดินร่วนเหนียว
มีสีน้ําตาลอ่อนหรือสีเทา พบจุดประสีน้ําตาล สีเหลือง หรือสีแดงปะปน หรือก้อนสารเคมีสะสมพวกเหล็ก
และแมงกานีสในดินชั้นล่าง พบในบริเวณที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ เป็นดินลึกมาก มีการระบายน้ํา
ค่อนข้างเลวถึงดีปานกลาง ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ํา ช่วงดินชั้นบนโดยมากจะมีปฏิกิริยาเป็น
กรดจัดมากถึงกรดปานกลาง (pH 5.0-6.0) ส่วนดินชั้นล่างมักมีปฏิกิริยาเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH
6.0-7.0) แต่ถ้ามีก้อนปูนปะปนจะมีปฏิกิริยาเป็นกลางถึงด่างจัด (pH 7.0-8.5) ตามปกติดินกลุ่มนี้จะมีเกลือ
โซเดียมมาก และในฤดูแล้งจะมีคราบเกลือเกิดขึ้นทั่วไปบนผิวดิน
ปัญหาสําคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้แก่ ความเค็มของดินซึ่งส่วนใหญ่จะมี
ปริมาณธาตุโซเดียมสูงจนเป็นพิษต่อพืช เนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทรายและมีโครงสร้างของดินไม่ดี ค่อนข้าง
แน่นทึบ
ตัวอย่างชุดดินที่อยู่กลุ่มนี้ ได้แก่ ชุดดินกุลาร้องไห้ (Ki) ชุดดินประทาย (Pt) และ
ชุดดินทุ่งสัมฤทธิ์ (Tsr)
9) กลุ่มชุดดินที่ 22
เป็นกลุ่มชุดดินที่มีเนื้อดินเป็นพวกดินร่วนหยาบลึกมาก เกิดจากวัตถุต้นกําเนิดดิน
พวกตะกอนลําน้ํา หรือจากการสลายตัวผุพังอยู่กับที่ หรือจากการสลายตัวผุพังแล้วถูกเคลื่อนย้ายมาทับถม
ของวัสดุเนื้อหยาบ พบในบริเวณที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ ส่วนใหญ่มีน้ําแช่ขังในช่วงฤดูฝน มีสภาพ
พื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ มีน้ําแช่ขังในช่วงฤดูฝน มีการระบายน้ําค่อนข้างเลว โดยมีเนื้อดินบน
เป็นพวกดินร่วนปนทรายหรือดินทรายปนดินร่วน ดินล่างเป็นดินร่วนปนทราย สีพื้นเป็นสีเทาหรือสีน้ําตาล
ปนเทา มีจุดประสีน้ําตาลปนเหลืองหรือสีเหลืองปนน้ําตาล และอาจพบมีศิลาแลงอ่อนในดินชั้นล่าง ดินมี
ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ํา ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5)
ปัญหาสําคัญในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้แก่ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ํา เนื้อดินค่อนข้าง
เป็นทราย มีความสามารถในการอุ้มน้ําต่ํา มักพบปัญหาการขาดแคลนน้ําในฤดูเพาะปลูก
ตัวอย่างชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ชุดดินสีทน (St) และชุดดินโนนแดง (Ndg)