Page 34 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 34
25
พด.9 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ พบว่าข้าวมีแนวโน้มมีความสูงมากกว่าตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ พด.9 อัตรา
100 กิโลกรัมต่อไร่ คือ 92.33 และ 91.00 เซนติเมตร ตามลําดับ แสดงให้เห็นว่าการใส่จุลินทรีย์
ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความสูงข้าวได้มากกว่าการใส่
จุลินทรีย์ พด.9 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากธาตุฟอสฟอรัสมีความสําคัญมากต่อการ
เจริญเติบโตในระยะการเจริญเติบโตของลําต้น ใบ และการแตกกอของข้าว (vegetative growth
stages) ถ้าข้าวได้รับธาตุฟอสฟอรัสไม่เพียงพอจะทําให้ข้าวต้นเตี้ย และแคระแกรน (Slaton et al.,
2002)
2.6.2 การแตกกอ พบว่าทุกตํารับทดลองข้าวมีการแตกกอแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทาง
สถิติ โดยตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตทุกตํารับทดลองยกเว้นตํารับที่ใส่จุลินทรีย์
ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวมีการแตกกอมากกว่าตํารับที่ไม่ใส่จุลินทรีย์อย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติ โดยตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวมีการแตกกอ
มากที่สุด คือ 11.67 ต้นต่อกอ รองลงมาได้แก่ ตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 150 และ
ตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ พด.9 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวมีการแตกกอ 11.33 และ 10.67 ต้นต่อกอ
ตามลําดับ ขณะที่ตํารับที่ไม่ใส่จุลินทรีย์ข้าวมีการแตกกอน้อยที่สุด คือ 9.67 ต้นต่อกอ (ตารางที่ 5)
แต่จะสังเกตได้ว่าตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ และตํารับที่ใส่จุลินทรีย์
พด.9 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวมีการแตกกอใกล้เคียงกันและไม่แตกต่างกันทางสถิติ คือ 10.00
และ 10.67 ต้นต่อกอ ตามลําดับ แสดงให้เห็นว่าจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 มีประสิทธิภาพในการ
ละลายฟอสเฟตสูงกว่าจุลินทรีย์ พด.9 โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9
อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถทําให้ข้าวแตกกอได้เทียบเท่ากับการใส่จุลินทรีย์ พด.9 อัตรา 100
กิโลกรัมต่อไร่ โดยหน้าที่ของธาตุฟอสฟอรัสช่วยส่งเสริมการแตกกอการสร้างราก และการออกดอก
ของข้าว (Dobermann and Fairhurst, 2000) สอดคล้องกับ Vahed et al. (2012) พบว่าปุ๋ย
ชีวภาพละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตสามารถช่วยให้ข้าวมีการแตกกอมากกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัส คือ
14.00 และ 13.30 ต้นต่อกอ ตามลําดับ และสอดคล้องกับ Dar et al. (2014) พบว่าการใช้แบคทีเรีย
Klebsiella sp. และ Burkholderia sp. ทําให้ข้าวมีการแตกกอมากกว่าไม่ใส่จุลินทรีย์ คือ 20.00,
20.33 และ 16.00 ต้นต่อกอ ตามลําดับ ซึ่งจุลินทรีย์ทั้ง 2 สายพันธุ์นอกจากละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต
ในดินแล้วยังสามารถผลิตฮอร์โมนพืชช่วยเสริมการเจริญเติบโตของข้าวได้
2.6.3 ผลผลิตข้าว พบว่าผลผลิตของข้าวในแต่ละตํารับทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติ โดยตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตข้าว
สูงสุด คือ 12.96 กรัมต่อกอ แต่ไม่แตกต่างกับตํารับอื่นๆ ที่ใส่จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต แต่
แตกต่างอย่างมีนัยสําคัญกับตํารับควบคุมที่ไม่ใส่จุลินทรีย์ให้ผลผลิตข้าวต่ําสุด คือ 8.57 กรัมต่อกอ
(ตารางที่ 5) สอดคล้องกับ Hassan et al. (2013) พบว่าปุ๋ยชีวภาพแบคทีเรียละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟตสามารถเพิ่มการดูดใช้ฟอสฟอรัสของข้าวได้ 8 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มผลผลิตข้าวถึง 11
เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 100 และ 150 กิโลกรัมต่อไร่ มีแนวโน้มให้
ผลผลิตข้าวสูงกว่าตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ พด.9 โดยเฉพาะตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 50
กิโลกรัมต่อไร่ พบว่าให้ผลผลิตข้าวใกล้เคียงกับตํารับที่ใส่จุลินทรีย์ พด.9 ในอัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่
คือ 11.46 และ 11.44 กรัมต่อกอ ตามลําดับ แสดงให้เห็นว่าการใส่จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 อัตรา 50

