Page 25 - การประเมินผลสัมฤทธิ์กิจกรรมด้านการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำของกรมพัฒนาที่ดิน ประจำปีงบประมาณ 2566
P. 25

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน







                  จะไหลซึมลงไปได้อีก จึงเกิดการไหลบ่าและพัดพา (transportation) ก้อนดินเล็กๆ ที่แตกกระจายอยู่บนผิวดินไป
                  และการตกตะกอนทับถม (deposition) ในพื นที่ลุ่มต่้า เม็ดดินที่ถูกพัดพาไปกับน ้า ส้าหรับประเทศไทย

                  ตัวการกัดกร่อนของดินที่ส้าคัญ ได้แก่ การชะล้างพังทลายโดยน ้า และการพังทลายโดยลม

                               2.1.2.2 สาเหตุของการชะล้างพังทลายของดิน

                                      สาเหตุหลักของการชะล้างพังทลายของดิน มี 2 ประการ คือ
                                      1) การชะล้างพังทลายของดินที่เกิดขึ นเองตามธรรมชาติ (natural erosion or
                  geologic erosion) โดยมีน ้า ลม และแรงดึงดูดของโลก เป็นตัวการส้าคัญที่ท้าให้เกิดการชะล้างพังทลาย
                  ของดินแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือเป็นไปอย่างช้าๆ เช่น การชะล้างพังทลายของดินที่เกิดจากแรงโน้มถ่วง

                  ของโลก พบในบริเวณที่มีความลาดชันสูง เมื่อมีฝนตกหนักจนดินอิ่มตัว ท้าให้แรงยึดตัวของดินมีน้อยกว่า
                  แรงโน้มถ่วงของโลก ดินที่อิ่มตัวด้วยน ้าจะเคลื่อนที่จากที่สูงลงสู่ที่ต่้าตามแรงดึงดูดของโลกก่อให้เกิดดินถล่ม
                  เป็นต้น

                                      2) การชะล้างพังทลายของดินที่มีตัวเร่ง (accelerated or man-made erosion)

                  โดยมีมนุษย์และสัตว์เป็นตัวการส้าคัญในการเร่งให้เกิดการพังทลายของดิน เช่น การระเบิดภูเขา การสร้างถนน
                  การตัดไม้ท้าลายป่า การท้าไร่เลื่อนลอย การท้าเหมืองแร่ ซึ่งเป็นการใช้ที่ดินโดยขาดความระมัดระวังหรือใช้
                  อย่างรุนแรงเกินไปจะส่งผลให้ดินมีการพังทลายมากขึ น

                                      นอกจากนี  สาเหตุที่ท้าให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน (พิทยากร, 2551) ประกอบด้วย
                                      1) การบุกรุกพื นที่ป่าไม้ เมื่อมีจ้านวนประชากรเพิ่มมากขึ น ความต้องการ

                  การใช้ประโยชน์ที่ดินในรูปแบบต่างๆ ก็มากขึ นจนมีผลท้าให้เกิดการบุกรุกท้าลายป่า โดยเฉพาะการบุกรุก
                  ท้าลายป่าเพื่อน้าพื นที่เหล่านั นมาใช้ท้าการเกษตรเพื่อผลิตอาหารส้าหรับการยังชีพ การเปลี่ยนสภาพป่า
                  เป็นพื นที่เกษตรโดยไม่มีการบ้ารุงรักษาและป้องกันการชะล้างพังทลายที่ถูกวิธี ส่งผลให้เกิดการชะล้างพังทลาย
                  และการเสื่อมโทรมของดินและที่ดินอย่างมาก

                                      2) สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ลักษณะการถือครองที่ดินกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

                  ของเกษตรกรที่มีน้อยเกินไปจนท้าให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ จึงต้องมีการขยายพื นที่
                  ท้ากินใหม่ ผลที่ตามมาคือ การใช้ที่ดินที่ขาดการบ้ารุงรักษาที่ถูกต้องท้าให้ดินเกิดความเสื่อมโทรม

                                      3) การใช้ประโยชน์ที่ดิน ในพื นที่ที่มีความลาดชัน โดยเกษตรกรมักท้าการเกษตร
                  ด้วยการไถพรวนขึ นลงตามแนวลาดเทเพื่อปลูกพืช ซึ่งเป็นการเร่งและส่งเสริมให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน
                  รุนแรงและรวดเร็วมากยิ่งขึ น ประกอบกับการขาดการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ

                  และเหมาะสมกับสภาพพื นที่ ท้าให้เกิดสภาพการชะล้างพังทลายของดินตามไหล่ทางได้ง่าย ซึ่งการก้าหนดพื นที่
                  หรือการวางแผนเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินด้านต่างๆ เป็นสิ่งจ้าเป็นที่จะต้องใช้ทั งความรู้และบุคลากรในหลายสาขา
                  วิชาในลักษณะบูรณาการ เพื่อน้ามาประมวลเป็นแนวทางในการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสมกับพื นที่

                         2.1.3 ข้อมูลเกี่ยวกับดินเค็ม

                               2.1.3.1 ความหมายของดินเค็ม
                                      ดินเค็ม (saline soil) หมายถึง ดินที่มีปริมาณเกลือที่ละลายอยู่ในสารละลายดิน

                  มากเกินไปมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช ปริมาณและคุณภาพของผลผลิต การสังเกตโดยดูจาก
                  คราบเกลือจะเห็นคราบเกลือเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะในฤดูแล้ง ซึ่งอาจรุนแรงถึงท้าให้พืชตายได้ เนื่องจาก
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30