Page 43 - การศึกษาการพัฒนาการจัดการพื้นที่ตามหลักทฤษฎีใหม่เพื่อการเกษตรในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 43
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
11
ภาพที่ 1.3 ภาพอนุภาคของถ่านที่อยู่ในระบบดินมีบทบาทในการกักเก็บธาตุอาหารและน้ำ
ที่มา: Bruckman and Klinglmüller (2014)
นอกจากคุณสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสมแล้ว ยังมีคุณสมบัติทางเคมี เช่น การรักษาระดับ
pH ในดินให้มีความเหมาะสมซึ่งจะทำให้มีสภาพแวดล้อมของดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของ
พืช (Laird et al., 2010) ถ่านมีค่าความจุในการแลกเปลี่ยนประจุบวก (cation exchange capacity:
CEC) สูง จึงส่งผลทำให้ดินมีความสามารถในการกักเก็บธาตุอาหารที่ใส่ลงไปในดิน หรือจากการย่อย
สลายได้ดี และจะค่อยๆปลดปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ เปรียบเสมือน buffer ภายในดิน และถ่านมีค่า
pH ที่สูงจึงช่วยในการปรับปรุงดินให้มีความเหมาะสมต่อความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช
โดยเฉพาะเพิ่มระดับของความสามารถในการแลกเปลี่ยนโพแทสเซียม (K) และ แมกนีเซียม (Mg)
(FFTC, 2001) ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการปลูกพืชทั้งพืชไร่ และพืชสวน เนื่องจาก K มี
บทบาทที่สำคัญในการสร้างและเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลซึ่งมีผลโดยตรงต่อการสะสมน้ำตาลใน
ผลไม้ จากคุณสมบัติของถ่านที่กล่าวมาข้างต้นถ่านจึงเป็นสารอินทรีย์ที่เหมาะสมในการใส่ลงไปในดิน
เพื่อปรับปรุงดิน อย่างไรก็ตาม ชนิดของถ่านเป็นปัจจัยที่มีผลต่อคุณสมบัติของถ่าน และการ
เจริญเติบโตของพืชที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะโครงสร้างทางกายภาพ ถ่านยูคาลิปตัสน่าจะมีขนาดของรู
พรุนที่ใหญ่กว่า ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการกักเก็บน้ำได้ดีกว่าถ่านแกลบ รวมทั้งผลงานวิจัย
Hemwong and Cadisch (2012) ถ่านยูคาลิปตัสยังความสามารถเพิ่มค่า CEC ของดินได้มากกว่าถ่าน
แกลบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าถ่านยูคาลิปตัสน่าจะสามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดีกว่าถ่านแกลบซึ่งเป็นผลมาจาก
ขนาดโครงสร้างทางกายภาพของถ่าน