Page 35 - การศึกษาการพัฒนาการจัดการพื้นที่ตามหลักทฤษฎีใหม่เพื่อการเกษตรในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 35

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                3


                       การคำนวณการบำบัดน้ำเสีย โดยน้ำที่ได้มาในแต่ละรอบจะต้องนำไปวางแผนการผลิต ทั้งในเรื่องของ

                       การปรับปรุงดินและการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อการบริโภค (พิเชฐ, 2562) ซึ่งการจัดการพื้นที่ที่กรม
                       พัฒนาที่ดินให้การสนับสนุนและโคก หนอง นา โมเดล ล้วนแล้วแต่ช่วยเพิ่มพื้นที่การกักเก็บน้ำในดิน

                       ระบบแล้ว  ยังเป็นการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และระบบนิเวศ  โดยควรส่งเสริมให้ชุมชน

                       เข้ามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และระบบนิเวศ  การจัดการดินที่เหมาะสมกับ
                       สภาพพื้นที่และการผลิตทางการเกษตร เช่น การคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การใช้วัสดุ

                       อินทรีย์ลงไปในดิน  ตลอดจนการใช้ถ่านชีวภาพในระบบเกษตรโดยเฉพาะดินที่มีการระบายน้ำดี

                       ซึ่งถ่านมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชื้นในดิน (เสาวคนธ์ และศศิธร, 2554) ช่วยดูดซับธาตุอาหารใน
                       ดิน และความชื้นในดิน และโครงสร้างของถ่านที่มีรูพรุนอยู่จำนวนมากทำให้มีบทบาทสำคัญในการ

                       เพิ่มความจุในการอุ้มน้ำของดิน อีกทั้ง เป็นที่อยู่อาศัยของรากพืช และจุลินทรีย์ในดิน  ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่

                       การเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำในดินและผิวดิน และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการ
                       ผลิตทางการเกษตร เพื่อมีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในพื้นที่เพื่อวางแผนการเพาะปลูก

                       ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ระบบน้ำหยด และระบบการผลิตแบบเปียกสลับแห้ง
                              ปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์ภัยแล้ง เกษตรกรหรือชุมชนในจังหวัดต่างๆ ของภาค

                       ตะวันออกเฉียงเหนือเกิดการตื่นตัว มีความตระหนัก และให้ความสนใจในการเข้าร่วมโครงการ

                       ปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม “บริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก”
                       และ โคก หนอง นา โมเดล เป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีเกษตรกรบางกลุ่มที่ไม่รอคอยการดำเนินการจาก

                       ภาครัฐอย่างเดียว  แต่อย่างไรก็ตาม เกษตรกรบางกลุ่ม ยังมองว่า ยังขาดความเข้าใจและความเชื่อมั่น
                       ว่าสามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ตัวเองได้จริง   ทั้งนี้  เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลประจักษ์ด้านปริมาณและ

                       คุณภาพการกักเก็บน้ำภายใต้การจัดการพื้นที่ในรูปแบบดังกล่าวและให้สามารถขยายผล และเกิดการ

                       พัฒนาต่อยอดในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อบรรเทาความรุนแรงจากปัญหาภัยแล้ง ประกอบกับ
                       เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในเชิงพื้นที่โดยมีเกษตรกรเจ้าของพื้นที่หรือ

                       กลุ่มเกษตรกรมีส่วนร่วมเพื่อผลักดันให้มีการปรับประยุกต์ใช้ได้จริง  จากประเด็นดังกล่าว เพื่อลด

                       ความเสี่ยงของปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่น
                       ให้กับเกษตรกรได้นำไปปรับประยุกต์ใช้ได้จริง  การศึกษาและติดตามปริมาณการกักเก็บน้ำในพื้นที่

                       เกษตรกรรมอย่างจริงจังจะทำให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้งได้อย่างมี
                       ประสิทธิภาพดังนั้น เพื่อรองรับและปรับตัวของเกษตรกรในพื้นที่ต่อสภาวะภัยแล้งอย่างยั่งยืนด้วยการ

                       จัดการพื้นที่ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องศึกษาวิจัยเชิงระบบในระดับ

                       พื้นที่ โดยมุ่งเน้นศึกษาจุดแข็งและลดความอ่อนไหวต่อสภาวะภัยแล้งของพื้นที่โดยติดตามและ
                       ประเมินหรือคาดการณ์สถานภาพน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง  พัฒนาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการจัดการ

                       ดินและน้ำร่วมกับภูมิปัญญาชาวบ้านในการเพิ่มพื้นที่การกักเก็บน้ำและประสิทธิภาพการใช้น้ำ มีความ
                       คุ้มค่าทางเศรษฐกิจด้วยการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ถูกต้องและหลากหลายก่อให้เกิดความหลากหลาย
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40