Page 33 - การศึกษาการพัฒนาการจัดการพื้นที่ตามหลักทฤษฎีใหม่เพื่อการเกษตรในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 33
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
1
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความสำคัญและที่มาของปัญหา
สถานการณ์ภัยแล้งในประเทศไทยนับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กรมพัฒนาที่ดิน
รายงานว่า มีพื้นที่แล้งซ้ำซากครอบคลุมประมาณ 56 ล้านไร่ กระจายในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ
โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความรุนแรงการเกิดภัยแล้งซ้ำซากมากกว่า 4 ครั้งในรอบ 10 ปี
ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 16 ล้านไร่ (ข้อมูลกรมพัฒนาที่ดิน) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาค
เกษตรกรรมซึ่งอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก บางพื้นที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ น้ำไม่เพียงพอ
ต่อการเจริญเติบโตของพืช บางพื้นที่มีปริมาณฝนตกมากแต่สามารถกักเก็บน้ำได้น้อยเนื่องจากพื้นที่
สำรองกักเก็บน้ำไม่เพียงพอ ชัยยุทธ และคณะ (2559) รายงานว่า มีพื้นที่การเกษตรและเกษตรกร
จำนวนมาก แต่มีข้อจำกัดด้านสภาพทางภูมิศาสตร์จึงไม่สามารถสร้างอ่างเก็บกักน้ำขนาดใหญ่
ประกอบกับทรัพยากรดินเป็นดินเค็มและคุณภาพดินต่ำ มีบริเวณกว้างทำให้ผลผลิตด้านการเกษตร
ค่อนข้างต่ำ บางพื้นที่บริเวณแถบจังหวัดริมแม่น้ำโขงมีปริมาณฝนมากแต่มีแหล่งเก็บกักน้ำน้อย
ขณะที่พื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำชีมีลักษณะภูมิประเทศที่สามารถก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำได้
แต่มีปริมาณฝนน้อย ส่วนพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำชี เป็นพื้นที่ราบลุ่มประสบ
ปัญหาทั้งน้ำท่วมในฤดูฝน และขาดแคลนน้ำจากฝนทิ้งช่วงในฤดูแล้ง
สถานการณ์ภัยแล้งในปี 2562 ได้ส่งสัญญาณให้เห็นจากฤดูร้อนที่มาเร็วและนานกว่าทุกปี
ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำฝนและน้ำในแหล่งเก็บน้ำต่างๆ สร้างความเสียหายต่อผลผลิตข้าวนาปรัง
และอ้อยซึ่งเป็นพืชที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อออกสู่ตลาดจนอาจกระทบต่อรายได้เกษตรกร
เกิดมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องมีการติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับ
ระยะเวลาและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนติดตามสภาพภูมิอากาศ ระดับความ
รุนแรงของภัยแล้งซึ่งอาจไม่เท่ากันในแต่ละเดือน ประกอบกับความแปรปรวนของการเปลี่ยนแปลง
ในสภาพภูมิอากาศของโลก (Climate change) ไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ฤดูกาล และช่วงระยะเวลาในแต่ละฤดูกาล จำนวนวันที่มีฝนตกและปริมาณฝนไม่แน่นอนบางปีซึ่งมี
ปริมาณมากและน้อยไม่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มฝนทิ้งช่วงในระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้น ปริมาณ
น้ำที่ไหลลงสู่พื้นที่เกษตรกรรมจะแปรผันตามปริมาณฝนที่ตกในบริเวณนั้นๆ และตามฤดูกาล คือ
ในช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำจะมีมาก ส่วนในช่วงฤดูแล้งจะไม่มีปริมาณน้ำฝนเข้ามาเติมในพื้นที่ แต่หาก
พื้นที่นั้นมีการขุดบ่อ หนอง หรือคลอง ก็จะสามารถเก็บกักน้ำในพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นช่วงฤดูฝน แต่ปริมาณ
น้ำที่มีอยู่จะเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณฝน พื้นที่
กักเก็บน้ำ ปริมาณการใช้น้ำ คุณสมบัติของดิน และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ เป็นต้น นอกจากนี้
ลักษณะและสมบัติดินในแต่ละประเภทโดยเฉพาะกลุ่มเนื้อดินทั้งหยาบและละเอียดมีความสัมพันธ์