Page 18 - รายงาน ผลของการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อเร่งการย่อยสลายตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ Effect of using biological products for accelerating the degradation of maize stubble
P. 18

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                          12





















                  ภาพที่ 4  การย่อยเซลลูโลสโดยการทำงานเอนไซม์ในกลุ่มเซลลูเลส

                  ที่มา : Food network solution (2015)

                         3.2.2  เชื้อราสร้างเอนไซม์เซลลูเลส

                               จุลินทรีย์มีความสำคัญในการย่อยเซลลูโลสมากโดยเฉพาะเชื้อรา เนื่องจากเซลลูโลสมีลักษณะ
                  โครงสร้างทางเคมีสายยาว จุลินทรีย์ไม่สามารถนำเข้าในเซลล์ได้โดยตรง ดังนั้นจุลินทรีย์ต้องสร้างเอกซ์ตรา
                  เซลลูลาร์เอนไซม์ (extracellular enzyme) เป็นเอนไซม์ที่สลายเซลลูโลสได้ เรียกว่า เอนไซม์เซลลูเลส ออกมา
                  ย่อยสลายเซลลูโลสให้เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ละลายน้ำได้ และสามารถผ่านเข้าไปในเซลล์ได้ และเกิด
                  กระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพด้วยกิจกรรมของจุลินทรีย์ เชื้อราที่ผลิตเอนไซม์เซลลูเลสมีบทบาทสำคัญใน

                  ระบบนิเวศถือเป็นผู้ย่อยสลายอินทรียสาร (Georgieva et al., 2005) ช่วยคืนธาตุอาหารลงสู่ดิน ซึ่งพืชสามารถ
                  นำไปใช้ได้ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางระบบนิเวศ (Alexopoulos et al., 1996) ราเป็นผู้ย่อยสลายที่
                  สำคัญที่สุดของซากพืช และร้อยละ 75 ของการย่อยสลายของพื้นผิวอินทรีย์ต่าง ๆ ตอบสนองต่อภาวะการณ์

                  ขาดน้ำบริเวณรอบ ๆ ราก และ/หรือ การตอบสนองต่อการลดลงของความชื้นในบรรยากาศ (Ananda and
                  Sridhar, 2004; Kannangara and Deshappriya, 2005) มีความสามารถในการย่อยสลายส่วนประกอบของ
                  ซากพืชที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิกนิน และเซลลูโลส (Puranong et al., 2007) ซึ่งวัสดุเหลือทิ้งทาง
                  การเกษตรประเภทลิกโนเซลลูโลส เช่น ฟางข้าว ชานอ้อย ซังข้าวโพด และกาบข้าวโพด มีองค์ประกอบเซลลูโลส

                  40 - 60 เปอร์เซ็นต์ เฮมิเซลลูโลส 20 - 30 เปอร์เซ็นต์ และลิกนิน 15 - 30 เปอร์เซ็นต์ (Cowling and Kirk,
                  1976; Kirk, 1983)
                               1)  ชนิดของราที่ขึ้นบนซากพืชในแต่ละระยะของการย่อยสลาย 5 กลุ่ม ดังนี้ (Deacon, 1980)
                                 กลุ่มที่ 1 เป็นปรสิต (parasite) ที่ไม่รุนแรง เช่น Botrytis cinerea  Alternaria tenuis

                  และ Cladosporium oxysporum ราเหล่านี้มีความสามารถในการใช้น้ำตาลและแป้งจากเนื้อเยื่อพืชยังคงมี
                  ชีวิต พบเจริญขึ้นบนส่วนของพืชที่ใกล้หลุดร่วงจากลำต้น ซึ่งอาจเพิ่มจำนวนและเจริญขยายขอบเขตได้อย่าง
                  กว้างขวางถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม รากลุ่มนี้มักหยุดการเจริญเติบโตเมื่อส่วนของพืชนั้นหลุดร่วงลงสู่พื้นดิน
                  หรือเมื่อพบกับการแข่งขันจากราที่เป็นซาโปรไฟต์ (saprophyte) ที่แท้จริง

                                 กลุ่มที่ 2 เป็นราที่ดำรงชีพแบบซาโปรไฟต์ มีความสามารถในการย่อยสลายองค์ประกอบ
                  ของซากพืชที่มีโครงสร้างโมเลกุลไม่ซับซ้อนได้ดี แต่ยังมีขีดจำกัดในการย่อยสลายโพลิเมอร์ อาจพบเป็นกลุ่ม
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23