Page 29 - คู่มือการจัดทำเป้าหมายตัวชี้วัดความสมดุลของการจัดการทรัพยากรที่ดิน (Land Degradation Neutrality: LDN) ระดับพื้นที่
P. 29

23


                         9) วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงปริมาณการกักเก็บคาร์บอนอินทรีย์ในดินระหว่างปี พ.ศ. 2552
               และ 2565 ในรูปแบบตาราง confusion matrix table

                         10) จัดท าแผนที่ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงการกักเก็บคาร์บอนอินทรีย์ในดิน (SOC) โดยแบ่งระดับ
               ความสมดุลของการจัดการทรัพยากรที่ดิน ออกเป็น 3 ประเภท คือ
                            (1) พื้นที่เสื่อมโทรม เป็นพื้นที่ที่มีการกักเก็บคาร์บอนลดลงจากอดีต
                            (2) พื้นที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่ที่มีระดับการกักเก็บคาร์บอนในดินอยู่ในระดับเดิม

                            (3) พื้นที่ได้รับการปรับปรุง เป็นพื้นที่ที่มีระดับการกักเก็บคาร์บอนในดินสูงขึ้นจากอดีต

               3.3 กำรประเมินควำมเสื่อมโทรมของทรัพยำกรที่ดิน ตำมตัวชี้วัดของกำรจัดกำรทรัพยำกรที่ดิน

               (Land Degradation Neutrality: LDN) ระดับพื้นที่
                        การประเมินความเสื่อมโทรมของทรัพยากรที่ดิน ตามตัวชี้วัดของการจัดการทรัพยากรที่ดิน

               (Land  Degradation  Neutrality:  LDN  baseline) ของพื้นที่เป้าหมาย จะน าตัวชี้วัดทั้ง 3 ตัวชี้วัด
               มาวิเคราะห์ร่วมกันด้วยการซ้อนทับข้อมูลของ 3 ตัวชี้วัด ประกอบด้วย ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน
               ช่วงปี พ.ศ.2550 และพ.ศ. 2565 (Land  Use  Change:  LUC)  ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงผลิตภาพของที่ดิน

               ซึ่งวิเคราะห์ได้จากข้อมูลการผลิตขั้นปฐมภูมิ (Net  Primary  Productivity:  NPP) ในช่วงปี พ.ศ. 2550
               และปีพ.ศ. 2565 และตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงปริมาณคาร์บอนอินทรีย์ที่สะสมในดิน (Soil Organic Carbon
               Stock:  SOC  Stock) ช่วงปี พ.ศ. 2552 - 2565 น ามาวิเคราะห์ตัวชี้วัดความสมดุลของการจัดการทรัพยากรที่ดิน
               ภายใต้หลักการ One-out, All-out (ตารางที่ 7) ดังนี้ คือ

                              1) ถ้ามีอย่างน้อยหนึ่งตัวชี้วัดมีการเปลี่ยนแปลงในทางเพิ่มขึ้น (+) จัดเป็นพื้นที่ที่มีการ
               เปลี่ยนแปลงในทางบวก หรือได้รับการปรับปรุง (improved)
                              2) ถ้ามีอย่างน้อยหนึ่งตัวชี้วัดมีการเปลี่ยนแปลงในทางลดลง (-) จัดเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการ
               เสื่อมโทรมของดิน (degradation)

                              3) ถ้าทั้งสามตัวชี้วัดไม่มีการเปลี่ยนแปลง จัดเป็นพื้นที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือมีสถานะคงเดิม (stable)
                        จากหลักการดังกล่าว จะท าให้ทราบพื้นที่เสื่อมโทรมของที่ดินในระดับพื้นที่ และน าไปวิเคราะห์
               สถานะความเสื่อมโทรมของที่ดิน (LDN  baseline)  โดยค านวณจากสัดส่วนของพื้นที่เสื่อมโทรมต่อพื้นที่
               ทั้งหมดของทั้ง14 จังหวัด ณ ปีฐาน (2550-2565) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสมดุลของการจัดการทรัพยากรที่ดิน

               ตัวชี้วัดที่ 15.3.1 ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
                        จากนั้นจะน าพื้นที่เสื่อมโทรมทั้งหมด มาวิเคราะห์ความรุนแรงของการเกิดพื้นที่เสื่อมโทรม
               เพื่อให้สามารถระบุ hotspot  และ ล าดับความส าคัญของการก าหนดมาตรการในการจัดการที่ดินในระดับ

               พื้นที่ โดยใช้หลักเกณฑ์จากตัวชี้วัด 3 ตัวชี้วัดที่ได้กล่าวไปแล้ว ดังนี้

                              ระดับความเสื่อมโทรมของที่ดิน               เกณฑ์แบ่งระดับ
                              ระดับรุนแรงน้อย (slightly)          พื้นที่เสื่อมโทรมเกิดจากตัวชี้วัด 1 ตัวชี้วัด
                              ระดับรุนแรงปานกลาง (moderately)     พื้นที่เสื่อมโทรมเกิดจากตัวชี้วัด 2 ตัวชี้วัด

                              ระดับรุนแรงมาก (severely)           พื้นที่เสื่อมโทรมเกิดจากตัวชี้วัดทั้ง 3 ตัวชี้วัด

                       ผลจากการประเมินความเสื่อมโทรมของทรัพยากรที่ดิน ตามตัวชี้วัดของการจัดการทรัพยากรที่ดิน
               (Land  Degradation  Neutrality:  LDN) จะน าไปก าหนดมาตรการในการจัดการที่ดินในระดับพื้นที่ต่อไป

               ซึ่งฐานข้อมูลที่น ามาใช้ในการประเมินความเสื่อมโทรมของที่ดิน และขั้นตอนวิธีการในประเมินความเสื่อมโทรม
               ของที่ดิน ตามเกณฑ์ประเมินของ LDN แสดงไว้ในภาพที่ 5
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34