Page 25 - การศึกษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพสำหรับนาข้าวต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตข้าวปทุมธานี 1 ในดินเหนียว จ.สุพรรณบุรี Study efficiency of biofertilizer for rice cultivation on growth and rice yield in clayer soil in Suphanburi province.
P. 25
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
5
4
มีปริมาณอยู่ในช่วง 8.4x10 – 2.7x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม และพบว่าต ารับทดลอง 7 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ย
5
ชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบผงร่วมกับปุ๋ยเคมี 50 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ A. brasilence สูงสุด 2.7x10
จ านวนโคโลนีต่อกรัม รองลงมาคือต ารับทดลองที่ 3 และ 5 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบน้ า
5
และใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี 70 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ A. brasilence เท่ากันเท่ากับ 1.9x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม
5
5
ส าหรับ B. megaterium อยู่ในช่วง 1.2x10 – 1.7x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม พบว่าต ารับทดลองที่ 3 ใช้
5
ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบน้ า พบปริมาณ B. megaterium สูงสุด 2.6x10 จ านวนโคโลนีต่อ
กรัม รองลงมาคือต ารับ 7 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบผงร่วมกับปุ๋ยเคมี 50 เปอร์เซ็นต์
5
2.3x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม ดังกราฟที่ 1
ผลการวิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์ในดินปีที่ 2
7
ผลการวิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์เอนโดไฟท์ในแปลงเพาะกล้ามีปริมาณ 1.3x10 จ านวนโคโลนี
5
4
ต่อกรัม และ พบว่าปริมาณจุลินทรีย์ A. brasilence ในต ารับทดลองมีปริมาณอยู่ในช่วง 8.4x10 – 2.6x10
จ านวนโคโลนีต่อกรัม และพบว่าต ารับทดลอง 7 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบผงร่วมกับ
5
ปุ๋ยเคมี 50 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ A. brasilence สูงสุด 2.7x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม รองลงมาคือต ารับ
ทดลองที่ 3 และ 5 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบน้ า และใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี 70 เปอร์เซ็นต์
5
ปริมาณ A. brasilence เท่ากันเท่ากับ 1.9x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม ส าหรับ B. megaterium อยู่ในช่วง
5
5
1.2x10 – 1.7x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม พบว่าต ารับทดลองที่ 3 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าว
5
รูปแบบน้ า พบปริมาณ B. megaterium สูงสุด 2.6x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม รองลงมาคือต ารับทดลองที่ 6
5
ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบผงมีปริมาณจุลินทรีย์ 2.3x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม ดังกราฟที่
2
ผลการวิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์ในดินปีที่ 3
7
ผลการวิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์เอนโดไฟท์ในแปลงเพาะกล้ามีปริมาณ 1.5x10 จ านวนโคโลนี
7
7
ต่อกรัม และ พบว่าปริมาณจุลินทรีย์ A. brasilence ในต ารับทดลองมีปริมาณอยู่ในช่วง 2.0x10 – 5.7x10
จ านวนโคโลนีต่อกรัม และพบว่าต ารับทดลอง 8 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบผงร่วมกับ
7
ปุ๋ยเคมี 70 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ A. brasilence สูงสุด 5.7x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม รองลงมาคือต ารับ
ทดลองที่ 5 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบน้ าร่วมกับปุ๋ยเคมี 70 เปอร์เซ็นต์ ส าหรับปริมาณ B.
7
7
megaterium อยู่ในช่วง 2.7x10 – 4.9x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม พบว่าต ารับทดลองที่ 3 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ย
7
ชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบน้ า พบปริมาณ B. megaterium สูงสุด 4.9x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม
รองลงมาคือต ารับ 8 ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพส าหรับนาข้าวรูปแบบผงร่วมกับปุ๋ยเคมี 70 เปอร์เซ็นต์ มีปริมาณ
7
จุลินทรีย์ 4.7x10 จ านวนโคโลนีต่อกรัม ดังกราฟที่ 3 ปริมาณจุลินทรีย์ในดินปีที่ 3 พบว่าสูงกว่าในปีที่ 1
และ 2 อาจเนื่องจากเมื่อใส่ปุ๋ยชีวภาพเป็นเวลานานจะเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้นในดินซึ่ง
เป็นสิ่งส าคัญในการพิจารณาประสิทธิภาพของปุ๋ยชีวภาพคือจุลินทรีย์ที่อยู่ในปุ๋ยว่ายังคงมีชีวิตในระหว่างการ
ผลิต การขนส่งและเก็บรักษา ตลอดจนสามารถแสดงกิจกรรมส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้เมื่อน าไปใช้
งานในแปลงปลูกพืชจริง Brar et al. (2012) รายงานว่าปุ๋ยชีวภาพที่อยู่ในรูปน้ ามักจะมีอายุในการเก็บรักษา
ได้ยาวนานกว่าการเก็บในรูปแบบแห้ง ซึ่งเป็นการน าเอารูปแบบน้ ามาคลุกผสมกับสารตัวพาทั้งนี้ปุ๋ยน้ ามักมี
สารอาหารที่ช่วยปกป้องเซลล์และเหนี่ยวน าจุลินทรีย์ให้มีการสร้างสปอร์หรือซีสต์ซึ่งช่วยให้เก็บรักษาได้
ยาวนาน