Page 9 - การศึกษาศักยภาพและการจัดการดินในพื้นที่ดินเค็มเพื่อการผลิตพืชสมุนไพรประจำท้องถิ่นไปสู่การรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม พี จี เอส กรณีศึกษาในพื้นที่ดินเค็มของจังหวัดนครราชสีมา Study of Soil quality and management of Saline Soil for local Herb production to Participatory Guarantee Systems (PGS) , Case study in Nakhon Ratchasima province.
P. 9

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                             9





                                                       การตรวจเอกสาร
              1. ดินเค็ม
                             ดินเค็มคือ ดินที่มีค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายที่สกัดออกมาจากดินบริเวณที่ราชพืชหยั่ง
              ถึงเกินกว่า 2 mS/cm (กรมพัฒนาที่ดิน, 2527) หรือดินเค็ม (saline soil) หมายถึงดินที่มีปริมาณเกลือที่ละลายอยู่

              ในสารละลายดินมากเกินไปจนมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลิตผลของพืช เนื่องจากทำให้พืชเกิดอาการขาด
              น้ำ และมีการสะสมไอออนที่เป็นพิษในพืชมากเกินไปนอกจากนี้ยังทำให้เกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหารพืชด้วย
              โดยความเค็มของดินสามารถประเมินได้จากค่าการนำไฟฟ้าของดินซึ่งจะผันแปรไปตามปริมาณเกลือที่ละลายน้ำได้

                                 1.1 อันตรายของความเค็มที่มีต่อพืช ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้
                              1) ผลทางตรงได้แก่
                               (1) ลดการดูดน้ำของพืชโดยการเพิ่ม osmotic pressure ของสารละลายดินทำให้พืชแสดง
              อาการขาดน้ำ การเจริญเติบโตลดลงหรืออาจตายไปได้

                              (2) ธาตุบางชนิดเป็นพิษแก่พืชโดยตรง หรือทำให้เกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหารเนื่องจากมี
              Na, B, Cl หรือ มีไบคาร์บอเนตมากเกินไป
                               2) ผลทางอ้อม คือ ดินที่มีน้ำชลประทานเค็มจะทำให้เกลือสะสมตามชั้นของดิน ทำลายโครงสร้าง
              ของดิน ทำให้การซาบซึมน้ำช้า และคุณสมบัติทางกายภาพของดินเลวแล้วยังทำให้คุณสมบัติทางเคมีเปลี่ยนแปลงไปด้วย

                         1.2 กลไกการทนเค็มของพืช
                            1) หลีกเลี่ยงการสะสมในไซโตพลาสซึมในปริมาณที่เป็นพิษโดยการมี Salt grand หรือเคลื่อนย้าย
              เกลือไปสะสมไว้ใน vacuole
                           2) สร้าง enzyme ต่างๆ มีคามสามารถในการทนต่อความเข้มข้นของเกลือสูงและสร้าง enzyme

              ให้ทำปฏิกิริยาต่างๆ เพื่อความทนเค็มได้
                           3) การดูดเกลือเข้ามาสะสมในบริเวณรากหรือลำต้น
                           4) การเพิ่มปริมาณน้ำภายในเซลล์ทำให้ความเข้มข้นของเกลือภายในเซลล์ลดลง

                           5) รากพืชสามารถที่จะแทรกตัวในดินที่เป็นแผ่นทึบได้
                           6) รากพืช exclude เกลือและดูดเอาเฉพาะน้ำเข้าไปได้
                            7) การสร้างสารเคลือบใบ สร้างใบหนาขึ้นเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้
                         1.3 ผลของความเค็มต่อการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก
                           1) ความเป็นพิษของไอออนที่พืชดูดไปสะสมภายในเซลล์ต่อขบวนการสร้างสรีรวิทยาต่างๆ ของพืช

              เช่น Cl ที่มากเกินไปจะทำให้ใบยาสูบมีคุณภาพต่ำ ติดไฟยาก นอกจากนี้ ปริมาณเกลือที่มีมากเช่น NaCl จะทำให้
              สมดุลของธาตุต่างๆ เสียไป พืชจึงเลือกเอาประจุที่ต้องการไปใช้ได้ยากขึ้น
                           2) ความไม่สมดุลของธาตุอาหารพืชเช่น การที่มี Na มากเกินไปทำให้พืชขาด K, Ca และ Mg เป็น

              ต้นและอาจทำให้พืชมีการทนทานต่อสารพิษบางอย่างน้อยลงเช่น B และ Li
                            3) ปัญหาการขาดน้ำของพืช (moisture pressure) ทั้งนี้เพราะเกลือในดินจะทำให้ Osmotic
              pressure ของสารละลายในดินแตกต่างกับ Osmotic pressure ของของเหลวในรากพืชน้อยมาก ทำให้พืชดูดน้ำได้
              น้อยกว่าอัตราการคายน้ำซึ่งมีอยู่สูงโดยเฉพาะในสภาวะแห้งแล้ง

                            4) อนุมูล Na ที่มีอยู่ในปริมาณมากในดิน โดยเฉพาะในดินโซดิกจะทำให้โครงสร้างของดินเสีย ดิน
              แน่น การถ่ายเทน้ำและอากาศในดินไม่ดี รากพืชชอนไชได้ยาก
                                 1.4 ลักษณะที่พืชได้รับผลกระทบจากเกลือในระยะการเจริญเติบโตต่างๆ
                           ความสามารถในการทนเค็มของพืชในแต่ละชนิดไม่เท่ากันและในแต่ละระยะการเจริญเติบโตแต่ละ

              ช่วงไม่เหมือนกัน ดังลักษณะของข้าวที่ได้รับผลกระทบในดินเค็ม ดังนี้
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14