Page 14 - การทำนายผลผลิตข้าวและข้าวโพดเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรง บริเวณพื้นที่สูงลุ่มน้ำแม่แจ่ม Crop Yield Projection at Mae Cham Sub Basin under Extreme Climate Change.
P. 14

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                            4

                   ว่าวัฏจักร C3  (C3  photosynthetic  pathway)  (ภาพที่ 1)  พืชที่ใช้ระบบการสังเคราะห์แสงแบบนี้จึงถูก

                   เรียกว่าพืช C3 พืชกลุ่มนี้ถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของพืชที่พบบนโลกนี้คิดเป็นจ านวน 95 เปอร์เซ็นต์ พืช C3
                   ที่ส าคัญได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ และถั่วต่าง ๆ

                          ระบบการสังเคราะห์แสงแบบ C4 เป็นระบบการสังเคราะห์แสงที่มีการตรึง CO สองครั้ง ครั้งแรก CO
                                                                                          2
                                                                                                            2
                   จากอากาศซึ่งผ่านเข้ามาทางปากใบ (stomata) จะถูกตรึงไว้โดยการรวมกับสาร phosphoenolpyruvate (PEP)
                   โดยอาศัยเอนไซม์ phosphoenolpyruvate carboxylase (PEPC) เกิดเป็นสารประกอบที่มีคาร์บอน 4 อะตอม

                   คือ oxaloacetate (OAA) ซึ่งจะถูกเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็น malate (MA) จากนั้น CO  จะถูกปลดปล่อยออกมา
                                                                                        2
                   จากโมเลกุลของ MA และจะถูกตรึงอีกครั้งหนึ่งโดยการรวมตัวกับ RuBP แล้วเข้าสู่วัฏจักรคัลวินต่อไป เช่นเดียวกับ
                   ระบบการสังเคราะห์แสงแบบ C3 (ภาพที่ 1) พืชที่ใช้ระบบการสังเคราะห์แสงแบบ C4 นี้ เรียกว่า พืช C4 มักจะ

                   เป็นพืชที่มีถิ่นก าเนิดในเขตศูนย์สูตร เช่น ข้าวโพด อ้อย ข้าวฟ่าง เป็นต้น




























                   ภาพที่ 1 การสังเคราะห์แสงของพืช C3 และ C4

                          การสังเคราะห์แสงแบบ C3 และ C4 มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ CO  ในชั้น
                                                                                                      2
                   บรรยากาศได้แตกต่างกัน การสังเคราะห์แสงแบบ C4 ได้รับประโยชน์มากกว่าภายใต้สภาวะที่มี CO  ในชั้น
                                                                                                      2
                   บรรยากาศน้อยหรือมีอุณหภูมิสูง ในขณะที่ในพืช C3 จะเกิดกระบวนการหายใจเชิงแสง (photorespiration)

                   ค่อนข้างสูงในสภาพบรรยากาศดังกล่าว ภายใต้สภาวะเช่นนี้ประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสงแบบ C4 จะ

                   เหนือกว่าแบบ C3 อย่างไรก็ตามภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีการยกระดับของปริมาณ CO  หรือที่อุณหภูมิต่ า
                                                                                            2
                   ประสิทธิภาพของการสังเคราะห์แสงใน C3 จะสูงกว่า เพราะว่าการหายใจเชิงแสงจะลดลงและการใช้ ATP ที่

                   สิ้นเปลืองของ C4 ท าให้มันด้อยประสิทธิภาพลงในสภาวะที่มีแสงแดดจัด ร้อนและแห้งแล้ง พืช C3 จะลดการ

                   สูญเสียน้ าด้วยการปิดปากใบส่วนใหญ่เอาไว้ ท าให้ CO  จากอากาศผ่านเข้ามาทางปากใบได้น้อยมาก รวมทั้ง
                                                                2
                   O  ที่เกิดจากปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสงไม่สามารถปล่อยออกสู่บรรยากาศได้ จะถูกสะสมอยู่ในคลอโรพลาสต์มาก
                     2
                   ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อการตรึง CO  เกิดขึ้นได้น้อย พืช C3 จะท าการตรึง O  ที่สะสมคั่งค้างอยู่นั้นเอาไว้แทน
                                           2
                                                                                2
                   เนื่องจากเอนไซม์ Rubisco นั้นมีความสามารถในการจับกับออกซิเจนได้ด้วย เมื่อ O  รวมตัวกับ RuBP เกิด
                                                                                         2
                   เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีคาร์บอน 2 อะตอมคือ phosphoglycolate (2-PG) สารอินทรีย์ที่เกิดขึ้นนี้จะถูก
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19