Page 17 - ศึกษาผลกระทบจากการเผาเศษวัสดุทางเกษตรต่อการปลูกพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แจ่มและศึกษาการชะล้างพังทลายของดินด้วยแบบจำลองการสูญเสียดินสากล
P. 17
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
5
เมื่อไรจึงควรท าการให้น้ าและต้องให้เป็นปริมาณเท่าใด ถือว่าเป็นหัวใจส าคัญของการก าหนดการให้
น้ าแก่พืชหรือการชลประทานในระดับไร่นา การให้น้ าแก่พืชคือการให้น้ าเพื่อควบคุมความชื้นในดินในเขตราก
พืชให้อยู่ในช่วงระหว่างจุดเหี่ยวเฉาถาวร (Permanent wilting point: PWP) กับความชื้นชลประทาน (Field
capacity: Fc) หรือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ในช่วงความชื้นที่พืชดูดเอาไปใช้ได้ การให้น้ าแก่พืชจะเริ่มท าเมื่อความชื้น
ในดินลดลงใกล้จุดเหี่ยวเฉาถาวร ส่วนจะให้ลดลงใกล้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถในการอุ้มน้ าของ
ดิน ความสามารถในการทนแล้งของพืช และสภาพภูมิอากาศ เช่น ความแห้งแล้ง หรือความชุ่มชื้น ซึ่งเป็น
องค์ประกอบส าคัญที่อิทธิพลต่อการใช้น้ าของพืช โดยทั่วๆ ไปจะยอมให้ความชื้นในดินลดลง 50–75
เปอร์เซ็นต์ของความชื้นที่พืชดูดเอาไปใช้ได้ ซึ่งความชื้นในดินที่ยอมให้ลดลงก่อนท าการให้น้ าครั้งต่อไป
เรียกว่า ความชื้นที่ยอมให้พืชดูดไปใช้ได้ (Allowable soil moisture deficiency) หรือเรียกสั้นๆ ว่า
Allowable depletion ส่วนความชื้นที่เหลือในดินหลังจากที่พืชดูดเอาความชื้นที่ยอมให้พืชดูดไปใช้ได้ไป
หมดแล้วคือ ความชื้นที่จุดวิกฤต (Critical moisture level หรือ Critical point)
ภาพที่ 2 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความชื้นในดินกับการก าหนดการให้น้ าแก่พืช
ที่มา: (ส านักพิมพ์วารสารเกษตรกรรมธรรมชาติ, 2562)
จากภาพที่ 2 สามารถสรุปได้ว่า การให้น้ าแก่พืชจะต้องเริ่มท าเมื่อความชื้นในดินลดลงถึงจุดวิกฤต
และปริมาณน้ าที่ให้จะต้องมากพอที่จะเพิ่มความชื้นในดินให้ถึงความชื้นชลประทาน ซึ่งถ้าหากท าการให้น้ าไม่
ทันจนท าให้ความชื้นในดินลดต่ าลงกว่าความชื้นที่จุดวิกฤต จะมีผลกระทบกระเทือนต่อผลผลิตของพืชท าให้
เกิดการเหี่ยวเฉา ผลผลิตและคุณภาพลดลง
แต่การที่จะรู้ว่าความชื้นในดินลดลงถึงจุดวิกฤตหรือยัง จะต้องมีการตรวจวัดความชื้นในดินในเขต
รากพืช ซึ่งมีทางท าได้ 3 วิธีคือ การวัดความชื้นของดินโดยการชั่งน้ าหนัก การวัดความชื้นโดยดูลักษณะและ
ความรู้สึกสัมผัส และวิธีสุดท้ายคือ การวัดความชื้นในดินโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ทั้ง 3 วิธีดังกล่าว
จะช่วยท าให้ทราบว่าควรจะให้น้ าแก่พืชได้หรือยัง และถ้าต้องให้จะต้องให้ด้วยปริมาณเท่าใด ความชื้นที่พืช
ดูดเอาไปใช้ได้มีค่าอยู่ระหว่างความชื้นชลประทานถึงความชื้นที่จุดวิกฤต จะแปรเปลี่ยนไปตามชนิดดินและ
ลักษณะของดิน
ความชื้นดิน (Soil moisture) คือ น้ าซึ่งถูกดูดซับบนผิวอนุภาคดินหรือขังอยู่ชั่วคราวหรืออยู่ใน
สภาวะไอน้ าในช่องว่างระหว่างอนุภาคดิน น้ าเหล่านี้สามารถท าให้หมดได้ เมื่ออบที่อุณหภูมิ 105–110 องศา
เซลเซียส ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (คณะกรรมการจัดท าปทานุกรมปฐพีวิทยา, 2541)ปริมาณความชื้นในดิน มี
ผลมาจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่แตกต่างกัน อันเนื่องมาจากองค์ประกอบทางลักษณะโครงสร้าง (structure)