Page 42 - สถานภาพการชะล้างพังทลายของดินในประเทศไทย Status of Soil Erosion in Thailand
P. 42
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
32
ยังคงโครงสร้างเดิมของ USLE และได้รวบรวมผลงานวิจัยใหม่เกี่ยวกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาสมการ
RUSLE ได้รับความสนใจส าหรับใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ (scenario analysis) เนื่องจากได้มีการ
รวบรวมข้อมูลปัจจัยด้านสภาพอากาศและปัจจัยการจัดการในสมการค านวณ และยังถูกน าไปใช้ส าหรับ
แบบจ าลองการพังทลายของดินในแบบจ าลองต่างๆ เช่น แบบจ าลอง AGNPS (Agricultural Non-Point
Source Model) และแบบจ าลอง WATEM-SEDEM (FAO, 2019)
ส าหรับข้อจ ากัดของ RUSLE ได้รับการพิจารณาอย่างกว้างขวาง ประการแรกคือ โดยธรรมชาติ
ของสมการ USLE (Renard et al., 1997) เป็นการค านวณการสูญเสียดินซึ่งไม่ใช่ปริมาณของตะกอนที่ได้
(sediment yield) และไม่ได้จ าลองถึงผลจากการกัดเซาะจากแหล่งอื่นๆ เช่น จากรูปแบบการชะล้างพังแบบร่อง
ลึก (gully) และทับถมในพื้นที่ทั้งบริเวณใกล้เคียงและพื้นที่อื่นๆ ส าหรับการพัฒนาแบบจ าลองในอนาคตของ
RUSLE2 (Foster et al., 2003) ได้มีแนวทางที่ค านึงถึงการประเมินการสะสมของตะกอนในมิติของความลาดชัน
ของพื้นที่เนินเขา (FAO, 2019) Jahun et al. (2015) ระบุว่า แบบจ าลอง RUSLE ได้รับการพัฒนาเพื่อประเมิน
ความเสี่ยงการพังทลายของดินส าหรับลุ่มน้ าขนาดเล็กในท้องถิ่น ซึ่งอาจจะมีข้อจ ากัดในกรณีพื้นที่ขนาดใหญ่
ที่สะท้อนถึงผลของกระบวนการพังทลายของดินและคุณภาพน้ า
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาอื่นๆ ได้อภิปรายและโต้แย้งถึงปัจจัยเฉพาะในกลุ่มแบบจ าลอง USLE
เช่น ในประเด็นของปัจจัยดัชนีของการชะล้างพังทลายดินของฝน (rainfall erosivity) หรือปัจจัย R โดยระบุว่า
ขาดการพิจารณาอย่างชัดเจนถึงการไหลบ่าในปัจจัย R ซึ่งมีข้อจ ากัดในการท านายการสูญเสียดินที่มีความแม่นย า
(FAO, 2019) และได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติม เรียกว่า Modified Universal Soil Loss Equation (MUSLE) เป็น
การใช้ข้อมูลการไหลบ่าและข้อมูลการไหลสูงสุดเพื่อประเมินค่าการสูญเสียดิน (Sadeghi et al. 2014) MUSLE
ถูกใช้ในแบบจ าลอง SWAT (Soil and Water Assessment Tool) และได้ให้ข้อสังเกตการพิจารณาการพัฒนา
อย่างต่อเนื่องโดยยึดแนวทางตาม USLE
3) แบบจ าลอง Morgan-Morgan-Finney (MMF) เป็นแบบจ าลองที่ใช้คาดการณ์อัตรา
การชะล้างพังทลายดินแบบแผ่น และแบบร่องลึก โดยแบ่งการค านวณออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนการประเมิน
ปริมาณน้ าฝนและน้ าไหลบ่าหน้าดิน และส่วนการประเมินปริมาณการเคลื่อนย้ายตะกอน ซึ่งปริมาณตะกอนที่
เกิดขึ้นได้จากการรวมกันของปริมาณตะกอนที่เกิดจากการตกกระทบของเม็ดฝน และปริมาณที่เกิดจากน้ าไหลบ่า
หน้าดิน จากนั้นน าค่าปริมาณตะกอนที่ได้มาเปรียบเทียบกับความสามารถในการเคลื่อนย้ายตะกอน ให้ถือค่าน้อย
กว่าเป็นอัตราการชะล้างพังทลายดินของพื้นที่ลุ่มน้ า ซึ่งการได้มาของค่าอัตราการชะล้างพังทลายดินของ
แบบจ าลองนี้จะ ใช้ข้อมูลปัจจัยด้านน้ าฝน (R, Rn, I) ปัจจัยด้านดิน (BD, MS, COH, K) ปัจจัยด้านพืชหรือการใช้
ประโยชน์ที่ดิน (A, Et/Eo, C, CC, GC, PH, EHD) ปัจจัยด้านสภาพภูมิประเทศ (S) โดยใช้สมการเปรียบเทียบ
3 สมการ ดังนี้
(1) ปริมาณตะกอนที่เกิดจากการตกกระทบของเม็ดฝน
-3
F = K * KE * 10 (1.2)
เมื่อ F คือ ปริมาณตะกอนที่เกิดจากการตกกระทบของเม็ดฝน (กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
K คือ ค่าความคงทนของดินต่อการตกกระทบของเม็ดฝน (กรัมต่อจูล)
KE คือ พลังงานของเม็ดฝนที่ตกลงสู่พื้น (จูลต่อตารางเมตร)
(2) ปริมาณตะกอนที่เกิดจากการกระท าของกระบวนการน้ าไหลบ่าหน้าดิน
-3
1.5
H = Z*Q *sin ( S (1-GC)*10 ) (1.3)
เมื่อ H คือ ปริมาณตะกอนที่เกิดจากกระบวนการน้ าไหลบ่าผิวดิน (กิโลกรัมต่อตารางเมตร)