Page 90 - แนวทางการลดต้นทุนในการผลิตยางพาราที่ปลูกในพื้นที่เขตความเหมาะสมปานกลาง (S2) จังหวัดตราด
P. 90
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
72
เศรษฐกิจสูงที่สุดเช่นกัน ดังนั้นใน 2 ปีแรกที่ท าการปรับปรุงดินด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี ยังไม่
สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตยางพาราหรือให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ จนกระทั่งในปีที่ 3 ที่มีการใส่ปุ๋ยเคมี
ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ติดต่อกันนาน 3 ปี พบว่าการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี ในอัตรา 25 เปอร์เซ็นต์ตามค่า
วิเคราะห์ดินดังวิธีที่ 3 นั้นให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงที่สุด
ในการศึกษาอัตราการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีนั้น จะต้องค านึงในปัจจัยหลายๆด้านประกอบกัน
เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ตามค่าวิเคราะห์ดิน (วิธีที่ 1) แม้จะมีต้นทุนผันแปรถูกที่สุด ตลอดทั้ง 3 ปี ที่
ท าการทดสอบ แต่ในระยะยาวการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยแก้ไขข้อจ ากัด ในการปลูกยางพาราบน
พื้นที่เหมาะสมปานกลาง (S2) ที่มีคุณสมบัติเป็นดินตื้น มีชั้นลูกรัง เศษหิน หรือก้อนกรวด ปะปนภายในความลึก
50 เซนติเมตรจากผิวดิน ซึ่งเป็นอุปสรรคในการชอนไชหาน้ า และอาหารของรากพืช รากพืชชอนไชไปดูดน้ าและ
อาหารอย่างจ ากัด นอกจากนี้การที่ดินตื้นมีชั้นลูกรังปะปนมาก ท าให้มีปริมาณเนื้อดินน้อย จึงขาดแคลนน้ าและ
มีความอุดมสมบูรณ์ต่ า ดังนั้นในการแก้ไขข้อจ ากัดของดินจ าเป็นต้องมีการปรับปรุงดินด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์
ร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมีในอัตราที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุและความอุดมสมบูรณ์ลงไปในดิน ท าให้
ดินมีโครงสร้างดีขึ้น สามารถอุ้มน้ าและธาตุอาหารไว้ในดินได้นาน รากพืชชอนไชหาอาหารเพื่อการเจริญเติบโต
และสร้างผลผลิตได้เพิ่มขึ้น และในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการปรับปรุงบ ารุงดินนั้น ต้องค านึงถึงต้นทุนการผลิต
ปุ๋ยอินทรีย์ด้วย เพราะปุ๋ยอินทรีย์มีปริมาณธาตุอาหารต่ าจึงต้องใช้ในปริมาณมากเมื่อเทียบกับปุ๋ยเคมี ในปริมาณ
เนื้อปุ๋ยที่เท่ากัน ถึงแม้เกษตรกรจะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์เองได้ แต่การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในปริมาณมากจะมี
ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าแรงและการขนส่งเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นควรเลือกใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายและมีปริมาณมากใน
ท้องถิ่นเป็นหลักส าหรับการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ นอกจากนี้ยังควรใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อให้ตรงกับความ
ต้องการของพืช และเป็นการลดต้นทุนจากการใส่ปุ๋ยในปริมาณมากเกินความต้องการของพืชอีกด้วย
สรุป แนวทางในการจัดการดินที่มีความเหมาะสมในการปลูกยางพาราปานกลาง (S2) ของ จังหวัดตราด
คือ การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อให้ตรงกับปริมาณความต้องการของพืช และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี
โดยพบว่าปริมาณอินทรียวัตถุในดิน เป็นตัวแปรหลักในการปรับปรุงคุณภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ และเพิ่ม
ปริมาณผลผลิตยางพารา ซึ่งอัตราการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีที่เหมาะสมคือ ใช้ปุ๋ยเคมี 75 เปอร์เซ็นต์
ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ 25 เปอร์เซ็นต์ ตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยใส่ติดต่อกันเป็นระยะ 3 ปี จึงจะให้ผลตอบแทนทาง
เศรษฐกิจสูงที่สุด มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าการใส่ปุ๋ยตามวิธีการของเกษตรกร 655 บาทต่อไร่ต่อปี หรือ 9.23
เปอร์เซ็นต์ แนวทางในการลดต้นทุนการผลิตยางพาราในพื้นที่เหมาะสมปานกลาง (S2) ของจังหวัดตราดนั้น จึง
เป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยอินทรีย์เอง ด้วยวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น และมี
ปริมาณมาก เพื่อลดต้นทุนจากการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และเพื่อเพิ่มผลผลิตยางพารา โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับ
ปุ๋ยเคมี ในอัตราส่วนที่เหมาะสมตามค่าวิเคราะห์ดิน ที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงที่สุด จึงท าให้เกษตรมี
รายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าการใส่ปุ๋ยตามวิธีการของเกษตรกร