Page 86 - แนวทางการลดต้นทุนในการผลิตยางพาราที่ปลูกในพื้นที่เขตความเหมาะสมปานกลาง (S2) จังหวัดตราด
P. 86
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
68
จากตารางที่ 24 พบว่าการใส่ปุ๋ยในวิธีที่ 3 ที่มีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์นั้น ท าให้ค่าการน าไฟฟ้าของดิน
หลังการทดสอบมีค่าเพิ่มมากขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะปุ๋ยอินทรีย์จากขี้เถ้ากาบมะพร้าวที่ใช้ใน
การทดสอบนั้น มีค่าการน าไฟฟ้า 31.7 (dS/m) ซึ่งสูงเกินค่ามาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ พ.ศ. 2548 ที่ก าหนดไว้
ว่าปุ๋ยอินทรีย์มีค่าการน าไฟฟ้าได้ไม่เกิน 6 (dS/m) (ตารางที่ 17) และการที่วิธีที่ 1 ที่ภายหลังการทดสอบ
ดินก็ปรากฏมีค่าการน าไฟฟ้าสูงเช่นกันนั้น เป็นเพราะมีการใส่ปุ๋ยมากเกินความต้องการของพืช ซึ่ง
สอดคล้องกับ ตารางที่ 23 ที่พบว่าการใส่ปุ๋ยในวิธีที่ 1 ท าให้มีปริมาณปุ๋ยโพแทสเซียมตกค้างในดินมาก
ที่สุด ส่วนวิธีที่ 2 เป็นการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินจึงมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้อง
ของพืช ดังนั้นข้อควรระวังในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์คือควรท าการวิเคราะห์ค่าการน าไฟฟ้าของปุ๋ยด้วย
นอกเหนือจากการวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหาร เพื่อป้องกันผลกระทบที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิต
ของพืชจากปัญหาดินเค็ม (สมศรี, 2539) หากมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีค่าการน าไฟฟ้าสูงติดต่อกันในระยะ
ยาว
ตารางที่ 24 ค่าการน าไฟฟ้าของดินก่อนด าเนินการและหลังด าเนินการปี 2559-2561
ค่าการน าไฟฟ้าของดิน (EC)
(dS/m)
วิธีการที่ ก่อนการ ปี พ.ศ.หลังการทดสอบ ลด/ เปอร์
ทดสอบ 2559 2560 2561 เฉลี่ย เพิ่ม เซ็นต์
1. ใส่ปุ๋ยตามวิธีเกษตรกร 0.02 0.03 0.06 0.03 0.04 + 100
(20-8-20) 1 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี
2. ใส่ปุ๋ยเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ 0.02 0.02 0.06 0.02 0.03 + 50
ตามค่าวิเคราะห์ดิน
3. ใส่ปุ๋ยเคมี 75 เปอร์เซ็นต์ ร่วมกับปุ๋ย 0.01 0.03 0.06 0.02 0.04 + 300
อินทรีย์ 25 เปอร์เซ็นต์ ตามค่าวิเคราะห์ดิน
ที่มา : กลุ่มวิเคราะห์ดิน (2561)