Page 87 - แนวทางการลดต้นทุนในการผลิตยางพาราที่ปลูกในพื้นที่เขตความเหมาะสมปานกลาง (S2) จังหวัดตราด
P. 87
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
69
ค่าการน าไฟฟ้าในดิน (dS/m)
0.07 วิธีที่ 1
วิธีที่ 2
0.06 วิธีที่ 3
0.05
0.04
0.03
0.02
0.01
0
ก่อนการทดสอบ ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงค่าการน าไฟฟ้าในดินก่อนและหลังการทดสอบที่ใส่ปุ๋ยวิธีที่ 1
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงค่าการน าไฟฟ้าในดินก่อนและหลังการทดสอบที่ใส่ปุ๋ยวิธีที่ 2
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงค่าการน าไฟฟ้าในดินก่อนและหลังการทดสอบที่ใส่ปุ๋ยวิธีที่ 3
ภาพที่ 17 กราฟแสดงค่าการน าไฟฟ้าในดินก่อนและหลังการทดสอบในปี 2559-2561
4.3 ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้ง
จากการเก็บตัวอย่างน้ ายางพาราเพื่อน ามาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้ง เป็น
ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึงปี พ.ศ. 2561 (ตารางที่ 25 และ ภาพที่ 18) พบว่าในปีแรกของการ
ทดสอบ วิธีที่ 2 การใส่ปุ๋ยเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ ตามค่าวิเคราะห์ดิน มีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งสูง
ที่สุด ในปีที่ 2 ของการทดสอบ วิธีที่ 3 การใส่ปุ๋ยเคมี 50 เปอร์เซ็นต์ ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ 50 เปอร์เซ็นต์
ตามค่าวิเคราะห์ดิน ให้ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งสูงที่สุด และในปีที่ 3 ของการทดสอบ วิธีที่ 3 คือ
การใส่ปุ๋ยเคมี 75 เปอร์เซ็นต์ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ 25 เปอร์เซ็นต์ ตามค่าวิเคราะห์ดิน ให้ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์
เนื้อยางแห้งสูงที่สุด
ดังนั้น สรุปได้ว่าใน 2 ปีแรกของการทดสอบ การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถเพิ่ม
ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งได้ เพราะการใส่ปุ๋ยเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ตามค่าวิเคราะห์ดิน (วิธีที่ 2) ให้
ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งสูงที่สุด ส่วนการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ในอัตรา 25 เปอร์เซ็นต์ตามค่า
วิเคราะห์ดินนั้น (วิธีที่ 3) สามารถเพิ่มค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งได้เมื่อใส่ปุ๋ยอินทรีย์ติดต่อกันอย่าง
น้อย 3 ปี เป็นต้นไป และให้ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งสูงกว่าการใช้ปุ๋ยเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ตามค่า
วิเคราะห์ดิน (วิธีที่ 2) ทั้งนี้ในการตัดสินใจเลือกอัตราการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิต