Page 84 - แนวทางการลดต้นทุนในการผลิตยางพาราที่ปลูกในพื้นที่เขตความเหมาะสมปานกลาง (S2) จังหวัดตราด
P. 84
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
66
ปริมาณฟอสฟอรัสในดิน (mg/kg)
70 วิธีที่ 1
วิธีที่ 2
60 วิธีที่ 3
50
40
30
20
10
0
ก่อนการทดสอบ ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงปริมาณฟอสฟอรัสในดินก่อนและหลังการทดสอบที่ใส่ปุ๋ยวิธีที่ 1
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงปริมาณฟอสฟอรัสในดินก่อนและหลังการทดสอบที่ใส่ปุ๋ยวิธีที่ 2
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงปริมาณฟอสฟอรัสในดินก่อนและหลังการทดสอบที่ใส่ปุ๋ยวิธีที่ 3
ภาพที่ 15 กราฟแสดงปริมาณฟอสฟอรัสในดินก่อนและหลังการทดสอบในปี 2559-2561
จากตารางที่ 23 พบว่าหลังการทดสอบ วิธีที่ 1 มีปริมาณโพแทสเซียมในดินสูงมากและมากกว่าวิธีที่
2 และ 3 เกือบ 2 เท่า เป็นเพราะในวิธีที่ 1 ใส่ปุ๋ยมากเกินความต้องการของพืช ไม่ได้ใส่ปุ๋ยตามค่า
วิเคราะห์ดิน จึงท าให้มีตกค้างอยู่ในดินเป็นจ านวนมากดังที่ปรากฏ ส่วนวิธีที่ 3 ที่มีปริมาณโพแทสเซียมใน
ดินมากกว่าวิธีที่ 2 นั้น เป็นเพราะวิธีที่ 3 มีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมด้วยจึงช่วยเพิ่มค่า Cation Exchange
Capacity, CEC) ท าให้ธาตุอาหารอยู่ในดินได้นานและปลดปล่อยให้พืชทีละช้าๆ ซึ่งสอดคล้องกับรายงาน
ของชนวน (2538) วิธีที่ 2 ที่ใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวท าให้ธาตุอาหารเละลายและถูกชะล้างของปุ๋ย
ออกไปจากดินได้ง่าย ภาพที่ 16 จะเห็นได้ว่าปริมาณโพแทสเซียมในดินหลังการทดสอบมีแนวโน้มเพิ่มมาก
ขึ้นในทุกวิธี เพราะโพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารส าคัญ ที่พืชต้องการใช้ในปริมาณมากส าหรับกระบวนการ
สร้างน้ ายางเพื่อเพิ่มผลผลิต (สถาบันวิจัยยาง, 2549) จึงมีการใส่ปุ๋ยโพแทสเซียมเป็นจ านวนมาก ท าให้
โพแทสเซียมบางส่วนตกค้างอยู่ในดินหลังจากที่พืชน าไปใช้ไม่หมด โดยการเก็บผลผลิตน้ ายางพารา 1 ตันนั้น
ดินจะสูญเสียธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม 20, 5 และ 25 กิโลกรัม ตามล าดับ (กรมวิชาการ
เกษตร, 2548)