Page 44 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่ม บ้านนาหมัน หมู่ที่ 4 ตำบลแม่จริม อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน
P. 44
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
31
พาไป (transportation) และการตกตะกอนทับถม (deposition) เม็ดดินที่ถูกพัดพาไปกับน้้าจะไหล
ลงสูํพื้นที่ต่้า ท้าให๎เกิดการสะสมตะกอนของดินในที่ลุํมต่้า ตัวการกัดกรํอนที่ส้าคัญอยํางมากใน
ประเทศไทย ได๎แกํ การชะล๎างพังทลายโดยน้้า และการพังทลายโดยลม การชะล๎างพังทลายของดิน
เกิดจากสาเหตุใหญํ 2 ประการ คือ การชะล๎างพังทลายโดยธรรมชาติ (natural erosion or geologic
erosion) เป็นการชะล๎างพังทลายซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีทั้งน้้าและลมเป็นตัวการ เชํน การชะ
ล๎างพังทลาย แผํนดินเลื่อน การพัดพาโดยลมตามชายฝั่งทะเลหรือในทะเลทราย เป็นต๎น การพัดพา
ดินแบบนี้เป็นแบบที่ป้องกันไมํได๎ และถ๎าเกิดมักใช๎เวลานาน เป็นการเกิดแบบคํอยเป็นคํอยไปและช๎า
มาก และหนึ่งที่มีมนุษย๑หรือสัตว๑เลี้ยงเข๎ามาชํวยเรํงให๎มีการกัดกรํอนเพิ่มขึ้นจากการชะล๎างพังทลาย
โดยธรรมชาติ เชํน การถางป่าท้าการเพาะปลูกอยํางขาดหลักวิชาการ ท้าให๎พื้นดินปราศจากสิ่งปก
คลุม ท้าให๎การกัดกรํอนโดยลมและฝนเกิดขึ้น และพัดพาดินสูญเสียไปได๎เพิ่มขึ้น การสูญเสียดินจะ
มากน๎อยเพียงใดขึ้นอยูํกับวิธีการที่ใช๎ท้าการเกษตร (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558)
3.4.1 การชะล๎างพังทลายของดินในเขตภูมิศาสตร๑ตําง ๆ ของโลก
สาเหตุส้าคัญที่ท้าให๎ดินถูกชะล๎างพังทลาย คือ ฝนและลม ซึ่งผลกระทบจากปัจจัยทั้งสองตํอ
การชะล๎างพังทลายของดินนี้ จะแตกตํางกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร๑ของโลก กลําวคือ ด๎วย
ปริมาณและคุณภาพของฝนและลม และสภาพทางภูมิศาสตร๑ที่แตกตํางกันออกไปในแตํละภูมิภาค จะ
ท้าให๎ความรุนแรงของการชะล๎างพังทลายของดินแตกตํางกัน เชํน ในเขตที่มีฝนตกน๎อยเกินไปหรือเขต
ที่มีฝนตกมากเกินไป การชะล๎างพังทลายของดินมักไมํคํอยรุนแรงนัก ส้าหรับประเทศไทยนั้น จะเน๎น
ไปที่การศึกษาความสัมพันธ๑ระหวํางน้้าฝนกับอัตราการชะล๎างพังทลายของดินเป็นหลัก
พื้นที่ใดก็ตามที่มีฝนตกรายปีน๎อย อัตราการชะล๎างพังทลายของดินโดยพลังน้้าจะมีน๎อย
เนื่องจากขาดแรงตกกระทบจนท้าให๎อนุภาคดินแตกแยกหรือมีก็น๎อย ในขณะเดียวกันก็จะขาดพลังน้้า
จากน้้าไหลบําหน๎าดินด๎วย และอัตราการชะล๎างพังทลายของดินจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีปริมาณฝนที่
ตกมีมากขึ้น แตํเมื่อพื้นที่ใดมีฝนตกมากกวํา 1,000 มิลลิเมตรตํอปีขึ้นไป อัตราการชะล๎างพังทลาย
ของดินโดยพลังน้้าก็เริ่มลดลง ทั้งนี้เพราะปริมาณฝนในปริมาณดังกลําวจะเป็นปัจจัยที่ท้าให๎พืชพรรณ
และป่าไม๎หนาแนํนมากขึ้นและปกคลุมหน๎าดินได๎เป็นอยํางดี
ดังนั้นจึงอาจกลําวได๎วํา การชะล๎างพังทลายของดินโดยพลังน้้า จะเกิดขึ้นได๎มากที่สุดใน
บริเวณที่มีปริมาณฝนตกปานกลาง ซึ่งพืชพรรณไมํหนาแนํนมากนัก อยํางไรก็ตามในพื้นที่ที่มีปริมาณ
ฝนตกมากนั้น ถ๎าหากพืชพรรณหรือป่าไม๎ที่ปกคลุมถูกท้าลายหรือเปลี่ยนสภาพไป ศักยภาพในการชะ
ล๎างพังทลายของดินก็จะสูงมากขึ้นทันที ซึ่งสามารถสังเกตได๎จากลักษณะการตกของฝนและพลังชะ
ล๎างพังทลายของน้้าฝนในเขตภูมิศาสตร๑ตําง ๆ ของโลก
3.4.2 รูปแบบการชะล๎างพังทลายของดินที่ส้าคัญในประเทศไทย
1) การชะล๎างพังทลายแบบกระเด็น (splash erosion) การตกกระทบของเม็ดฝน
ติดตํอกัน จากน้้าฝนนับหมื่นนับล๎านเม็ดนั้น จะท้าให๎อนุภาคดินบนผิวหน๎าแตกกระจาย และกระเด็น
ออกไปจากต้าแหนํงเดิม โดยเฉพาะจะเกิดอยํางรุนแรงบนพื้นดินที่ไมํมีสิ่งปกคลุม การชะล๎าง