Page 28 - การจัดการดินเพื่อปลูกมันสำปะหลังในกลุ่มชุดดินที่ 56 จังหวัดตากโครงการนำร่องการผลิตพืชตามเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันในประชาคมอาเซียน
P. 28
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
15
อาหารที่มีอยูในดิน สภาพความเปนกรดเปนดาง แลวนํามาเปรียบเทียบกับปริมาณความตองการธาตุ
อาหารของพืชที่ปลูกในแตละฤดู จากนั้นจึงคํานวณปริมาณธาตุอาหารหลักเพิ่มตามคําแนะนํา ซึ่งอาจเลือก
ปุยสูตรที่มีสัดสวนใกลเคียง กับคําแนะนําการใชปุยใหมากที่สุด หรือหากดินมีปญหา ตองปรับปรุงแกไข
กอนการปลูกพืชหรือกอนการใสปุย เพื่อเปนการลดขอจํากัดของการดูดซึมธาตุอาหารของพืช และเปนการ
เพิ่มประสิทธิภาพการใชปุย (วันชัย, ม.ป.ป.) การใชปุยเคมีตามคาวิเคราะหดิน คือ การใชปุยเทาที่จําเปน
(พอดี) ตามความตองการของพืช หากดินมีปญหาตองมีการจัดการที่ถูกตองเหมาะสม โดยมีการประเมิน
หรือวิเคราะหความอุดมสมบูรณของดินกอนการปลูกพืช ซึ่งอาจไดจากกรตรวจสอบจากโปรแกรมดินไทย
และธาตุอาหารพืช หรือการเก็บดินวิเคราะหเพื่อใหทราบถึงปริมาณธาตุอาหารที่อยูในดิน สภาพความเปน
กรด-เปนดาง แลวนํามาเปรียบเทียบกับปริมาณความตองการธาตุอาหารของพืชที่ปลูกในแตละฤดู จากนั้น
จึงคํานวณปริมาณธาตุอาหารหลัก เพิ่มตามคําแนะนํา ซึ่งอาจเลือกสูตรปุยที่มีสัดสวนใกลเคียงกับ
คําแนะนําการใชปุยใหมากที่สุด (วันชัย, 2556)
ปุยเคมี หมายถึงปุยที่ไดจากสารอนินทรียหรืออินทรียสังเคราะห รวมถึงปุยเชิงเดี่ยวหรือแมปุยที่มี
ธาตุอาหารหลักธาตุเดียว ปุยเชิงผสมหรือปุยเคมีที่ไดจากการผสมเพื่อใหไดธาตุอาหารพืชตามที่ตองการ
และปุยเชิงประกอบหรือปุยเคมีที่ทําดวยกรรมวิธีทางเคมีเพื่อใหไดธาตุอาหารพืชสองธาตุขึ้นไป การเกษตร
ในปจจุบันปุยเคมียังมีความจําเปนเพราะใหธาตุอาหารกับพืชไดมากที่สุดเพียงพอตอความตองการของพืช
ในขณะที่ปุยอินทรียใหปริมาณธาตุอาหารนอยมากไมเพียงพอตอความตองการของพืชปุยอินทรียเหมาะที่
จะนําไปปรับปรุงดินเพื่อทําใหโครงสรางของดินดีขึ้นมากกวาจะนําไปเปนธาตุอาหารใหกับพืชสวนปุย
ชีวภาพในทางวิชาการไมถือวาเปนปุย เพราะเปนเพียงจุลินทรียดินไมมีธาตุอาหารพืชเปนไดแค
สวนประกอบสวนหนึ่งของปุยอินทรียเทานั้น (สรสิทธิ์, 2540)
การใชปุยเคมีเมื่อใสปุยเคมีลงในดิน จะมีโอกาสสูญเสียไปมากกวาครึ่งหนึ่งสําหรับธาตุไนโตรเจน
และโพแทสเซียมสวนฟอสฟอรัสนั้นพืชดึงดูดไปใชประโยชนไดไมเกิน 10 เปอรเซ็นตของปริมาณที่ใสลงไป
ในดินฟอสฟอรัสที่เหลือทั้งหมดจะทําปฏิกิริยากับดินกลายเปนสารประกอบที่ละลายน้ํายาก พืชดึงดูดไปใช
ไมได ดังนั้นการใสปุยเคมีลงไปในดินเพื่อใหพืชสามารถดึงดูดไปใชไดมากที่สุดและสูญเสียนอยที่สุดจึงมี
ความสําคัญเปนอยางยิ่ง โดยปุยชนิดเดียวกันและสูตรเดียวกันใสลงในดินดวยวิธีแตกตางกัน พืชจะใช
ประโยชนจากปุยเคมีไดไมเทากัน ตัวอยาง ปุยที่ใสแบบหวานจะใหผลแตกตางจากปุยที่ใสแบบโรยเปนแถว
หรือเปนจุดใกลพืช ดังนั้นการใชปุยเคมีใหมีประสิทธิภาพ จึงควรยึดหลักเกณฑ คือ
ชนิดของปุยเคมี หมายถึง เรโซ สูตร และรูปของธาตุอาหารในปุยตามที่ตองการซึ่งกรมวิชาการ
เกษตรแนะนํา เรโซปุยที่เหมาะสมกับมันสําปะหลัง คือ 2:1:2 ซึ่งหมายถึงสัดสวนเปรียบเทียบกันระหวาง
โนโตรเจน (N) กับฟอสฟอรัส (P O ) และโพแทสเซียม (K O) สูตรปุยหรือเกรดปุยที่แนะนํา ไดแก 15-7-
2
2 5
18 หรือ 16-8-14 หรือ ถาหาปุยเคมีสูตรดังกลาวไมไดสามารถใชปุยเคมีสูตร 15-15-15 แทนไดจึงมีขาย
อยางแพรหลายตามทองตลาดทั่วไป
ปริมาณการใชปุยเคมี หมายถึง อัตราปุยตอไรไมเหมาะสมในการผลิตมันสําปะหลัง ซึ่งกรม
วิชาการเกษตรไดแนะนําการใชในดินทราย ใชอัตรา 90 กิโลกรัมตอไร ดินรวนปนทราย ใชอัตรา 70