Page 39 - ผลของปริมาณจุลธาตุสังกะสีในดินต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพข้าว ในพื้นที่นาข้าวลุ่มน้ำปากพนัง
P. 39

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                        29





                   หลังกำรเก็บเกี่ยวข้ำวแล้วไม่เหมำะที่จะปลูกไม้ผล และไม้ยืนต้น เพรำะมีน้้ำท่วมขังลึกในฤดูฝน อย่ำงไร

                   ก็ตำมสำมำรถเปลี่ยนสภำพกำรใช้ประโยชน์จำกนำข้ำวเป็นปลูกพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักได้ ถ้ำได้มี
                   กำรพัฒนำที่ดิน โดยกำรท้ำคันดินรอบพื้นที่เพำะปลูกเพื่อป้องกันน้้ำท่วม และยกร่องปลูกเพื่อช่วย

                   กำรระบำยน้้ำของดิน ปัญหำในกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน ถ้ำเป็นที่ลุ่มมำก ๆ จะมีปัญหำเรื่องน้้ำท่วมในฤดูฝน
                   ในกำรปลูกข้ำวหรือท้ำนำ เพิ่มควำมอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน โดยกำรไถกลบตอซัง หลังกำรเก็บเกี่ยวข้ำว

                   กำรปลูกพืชตระกูลถั่วในช่วงหลังกำรเก็บเกี่ยวข้ำวแล้วหมุนเวียนกับพืชไร่อย่ำงอื่น หรือกำรปลูกพืชปุ๋ยสด

                   เช่น ปอเทือง โสน โสนอัฟริกัน ถั่วต่ำง ๆ อัตรำไร่ละ 5 กิโลกรัมต่อไร่ หว่ำนทั่วแปลงแล้วไถกลบต้น
                   ลงดินก่อนปลูกข้ำว 2-3 เดือน กำรใช้ปุ๋ยเพื่อเพิ่มควำมอุดมสมบูรณ์ กรณีใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก

                   หรือปุ๋ยคอกให้ใช้อัตรำ 2-3 ตันต่อไร่ ถ้ำเป็นปุ๋ยเคมีส้ำหรับพันธุ์ข้ำวไวแสง เช่น ขำวปำกหม้อ 148

                   ขำวตำแห้ง 17 ปทุมธำนี 60 ให้ใช้ปุ๋ยครั้งที่ 1 สูตร 16-20-0 หรือสูตร 18-22-0 อัตรำ 25-30
                   กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยยูเรีย 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 10-20

                   กิโลกรัมต่อไร่ ถ้ำเป็นพันธุ์ข้ำวไม่ไวแสง เช่น กข. 1-5 กข.7 กข.9 สุพรรณบุรี 60 ให้ใช้ปุ๋ยครั้งที่ 1 สูตร
                   16-20-0 หรือสูตร 18-22-0 อัตรำ 25-35 กิโลกรัมต่อไร่ ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยยูเรีย 10-15 กิโลกรัมต่อไร่

                   หรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 20-30 กิโลกรัมต่อไร่


                          กลุ่มชุดดินที่ 6 เนื้อดินเป็นดินเหนียว ดินบนมีสีเทำแก่ ดินล่ำงมีสีน้้ำตำลปนเทำหรือสีเทำ
                   มีจุดประสีน้้ำตำลหรือสีแดงตลอดชั้นดินบำงแห่งมีศิลำแลงอ่อน หรือก้อนสำรเคมีพวกเหล็ก และ

                   แมงกำนีสปะปนอยู่ด้วย กลุ่มดินนี้เกิดจำก พวกตะกอนล้ำน้้ำเป็นดินลึกมำก มีกำรระบำยน้้ำเลว พบตำม

                   ที่รำบ ตั้งแต่ที่รำบน้้ำท่วมถึงลำนตะพักล้ำน้้ำระดับต่้ำ น้้ำแช่ขัง 30-50 เซนติเมตร นำน 3-5 เดือน
                   ดินมีควำมอุดมสมบูรณ์ตำมธรรมชำติต่้ำหรือค่อนข้ำงต่้ำ pH 4.5-5.5  ได้แก่ ชุดดินบำงนรำ ปำกท่อ

                   ท่ำศำลำ ปัจจุบันบริเวณดังกล่ำวส่วนใหญ่ใช้ท้ำนำ หรือปลูกพืชล้มลุกในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจำกสภำพพื้นที่
                   พบบริเวณพื้นที่รำบเรียบถึงรำบลุ่ม เนื้อดินเป็นดินเหนียวกำรระบำยน้้ำเลว ในช่วงฤดูฝนจะมีน้้ำขัง

                   อยู่ที่ผิวดิน ระหว่ำง 3-5 เดือน จึงมีศักยภำพเหมำะสมที่จะใช้ท้ำนำในช่วงฤดูฝน ปัญหำในกำรใช้ประโยชน์
                   ที่ดิน ดินมีควำมอุดมสมบูรณ์ต่้ำ ปฏิกิริยำของดินเป็นกรดแก่ฤดูฝนน้้ำแช่ขังนำน 3-5 เดือน ในกำรปลูก

                   ข้ำวหรือท้ำนำ เพิ่มควำมอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน โดยกำรไถกลบตอซัง หลังกำรเก็บเกี่ยวข้ำว กำรปลูก

                   พืชตระกูลถั่วในช่วงหลังกำรเก็บเกี่ยวข้ำวแล้วหมุนเวียนกับพืชไร่อย่ำงอื่น หรือกำรปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น
                   ปอเทือง โสน โสนอัฟริกัน ถั่วต่ำง ๆ อัตรำไร่ละ 5 กิโลกรัมต่อไร่ หว่ำนทั่วแปลงแล้วไถกลบต้นลงดิน

                   ก่อนปลูกข้ำว 2-3 เดือน กำรใช้ปุ๋ยเพื่อเพิ่มควำมอุดมสมบูรณ์ กรณีใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก หรือ

                   ปุ๋ยคอกให้ใช้อัตรำ 2-3 ตันต่อไร่ แก้ไขเนื้อดินเหนียว และมีโครงสร้ำงค่อนข้ำงแน่นทึบ ด้วยปุ๋ยอินทรีย์
                   เช่นปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1.5-2.0 ตันต่อไร่ หรือใช้วัสดุปรับปรุงดินอย่ำงอื่น  เช่น ขี้เลื่อย แกลบ

                   กำกน้้ำตำล เป็นต้น ไถคลุกเคล้ำ และกลบลงในดิน ใส่ปูนมำร์ล หินปูนบด หรือหินปูนฝุ่นเลือกใช้
                   อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง อัตรำ 0.5-1.0 ตันต่อไร่ ไถคลุกเคล้ำให้เข้ำกับดิน ปล่อยน้้ำแช่ ประมำณ 10 วัน แล้ว

                   ระบำยน้้ำออกแล้วค่อยขังน้้ำใหม่ เพื่อท้ำเทือกและรอปักด้ำ หรือใช้น้้ำล้ำงควำมเป็นกรดของดิน ประมำณ
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44