Page 37 - ผลของปริมาณจุลธาตุสังกะสีในดินต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพข้าว ในพื้นที่นาข้าวลุ่มน้ำปากพนัง
P. 37
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
27
ในหนึ่งปี หรือกำรปลูกข้ำวในพื้นดินที่ปล่อยทิ้งไว้ และมีกำรระบำยน้้ำไม่ดีพอในช่วงที่ไม่มีกำรเพำะปลูก)
และดินที่มีธำตุฟอสฟอรัสที่พืชสำมำรถน้ำไปใช้ประโยชน์ได้สูง (Wissuwa, et. al., 2006)
กำรแก้ปัญหำกำรขำดธำตุสังกะสี ในพื้นที่ที่ดินที่วิเครำะห์ได้รับกำรยืนยันว่ำมีกำรขำดธำตุสังกะสี
หรือในบริเวณที่คำดว่ำมีกำรขำดธำตุสังกะสี ควรมีกำรใส่ธำตุสังกะสีในรูปของซิงค์ซัลเฟต ซิงค์ออกไซด์
หรือ ซิงค์คลอไรด์ ในดินประมำณ 5-10 กิโลกรัมต่อเฮกตำร์ ก่อนท้ำกำรหว่ำนเมล็ดข้ำว หรือก่อนกำรย้ำย
กล้ำปลูก ธำตุสังกะสีสำมำรถผสมรวมเข้ำไปกับปุ๋ยเม็ด NPK หรือผสมเข้ำไปในระหว่ำงกำรคลุกเคล้ำ
แม้ว่ำจะมีข้อมูลว่ำธำตุสังกะสีที่ใส่ลงในดินจะคงอยู่ได้เป็นเวลำหลำยปี แต่ภำยใต้สภำวะที่ดินมีกำรขำด
ธำตุสังกะสีอย่ำงรุนแรง หรือภำยใต้สภำพกำรจัดกำรที่มีกำรปลูกพืชที่ให้ผลผลิตสูงอยู่ตลอดเวลำ ควรมี
กำรใส่ปุ๋ยสังกะสีทุกๆปี (Wissuwa et. al., 2006)
กำรแก้ปัญหำกำรขำดธำตุสังกะสีสำมำรถท้ำได้โดยกำรใช้ ZnSo4.7H2O หรือ ZnO ใส่ลงในดิน
ZnSO4 (ซิงค์ซัลเฟต) จัดเป็นแหล่งให้ธำตุสังกะสีที่ใช้กันทั่วไปในกำรแก้ปัญหำกำรขำดธำตุสังกะสี
ในกำรปลูกพืช เนื่องจำกมีรำคำถูก ส่วน ZnO (ซิงค์ออกไซด์) สำมำรถใช้เป็นแหล่งให้ปุ๋ยสังกะสีได้เช่นกัน
อัตรำใส่ธำตุสังกะสีในดินจะผันแปรอยู่ระหว่ำง 10 - 100 กิโลกรัม ZnSo4.7H2O ต่อเฮกตำร์ กำรให้ปุ๋ย
สังกะสีทำงใบให้ผลในกำรแก้ปัญหำกำรขำดธำตุสังกะสีได้เช่นเดียวกัน อย่ำงไรก็ตำม ในกำรเพิ่มผลผลิต
เมล็ดธัญพืชกำรให้ธำตุสังกะสีทำงดินจะมีผลมำกกว่ำกำรให้ทำงใบ สำหรับอัตรำกำรให้ธำตุสังกะสีทำงใบ
จะผันแปรอยู่ระหว่ำง 2.5-10 กิโลกรัม ZnSo4.7H2O ต่อเฮกตำร์ ในกรณีที่ต้องกำรเพิ่มควำมเข้มข้นของ
ธำตุสังกะสีในเมล็ดธัญพืช กำรให้ธำตุสังกะสีทำงใบจะให้ผลดีกว่ำกำรให้ทำงดิน ในปัจจุบันกำรเพิ่มควำม
เข้มข้นของธำตุสังกะสีในเมล็ดธัญพืช จัดว่ำเป็นควำมส้ำคัญเร่งด่วนของโลก เพื่อช่วยลดปัญหำทำงสุขภำพ
ของประชำกรที่ขำดธำตุสังกะสีมำกกว่ำหนึ่งพันล้ำนคน เนื่องจำกข้ำวสำลีเป็นพืชที่มีปริมำณควำมเข้มข้น
ของธำตุสังกะสีในตัวของมันเองน้อยอยู่แล้ว หำกนำมำปลูกในพื้นที่ที่ขำดธำตุสังกะสี จึงยิ่งท้ำให้
ควำมเข้มข้นของธำตุสังกะสีในเมล็ดข้ำวสำลีลดลงมำกขึ้น ดังนั้น กำรใส่ปุ๋ยสังกะสีแก่ต้นข้ำวสำลีทำงดิน
และหรือทำงใบ จึงเป็นหลักกำรที่ส้ำคัญสำหรับกำรผลิตพืชที่ดีขึ้น รวมทั้งให้ผลต่อสุขภำพที่ดีขึ้น
ของมวลมนุษย์ (Shuman and R.M. Welch, 1991)
นิศำนำถ และคณะ (2552) ศึกษำวิจัย พบว่ำ เมล็ดข้ำวกล้องพันธุ์สุพรรณบุรี 1 และชัยนำท 1 มี
ปริมำณกรดไฟติคอยู่ในช่วง 359.60 ± 43.42 และ 379.63 ± 57.17 mg 100g-1 ตำมล้ำดับ
และปริมำณเหล็กในเมล็ดข้ำวกล้องพันธุ์สุพรรณบุรี 1 และชัยนำท 1 อยู่ในช่วง 2.37 ± 0.85 mg 100g-1
และ 2.63 ± 1.31 mg 100g-1 ตำมล้ำดับ ซึ่งท้ำให้มีอัตรำส่วนเหล็กต่อกรดไฟติก เท่ำกับ 1:15.2 และ
1:15.6 ในข้ำวกล้องพันธุ์สุพรรณบุรี 1 และชัยนำท 1 ตำมล้ำดับ แสดงให้เห็นว่ำพันธุ์ชัยนำท 1 มีปริมำณ
กรดไฟติกสะสมที่เยื่อหุ้มเมล็ดมำกกว่ำพันธุ์สุพรรณบุรี 1 แต่เมื่อเมล็ดข้ำวผ่ำนกำรขัดสีเป็นข้ำวสำร
จะมีอัตรำส่วนเหล็กต่อกรดไฟติก เท่ำกับ 1:1.24 และ 1:1.18 ในข้ำวสำรพันธุ์สุพรรณบุรี 1 และ
พันธุ์ชัยนำท 1 ตำมล้ำดับ โดยพันธุ์ชัยนำท 1 มีอัตรำส่วนน้อยกว่ำพันธุ์สุพรรณบุรี 1 ทั้งนี้ พบว่ำ