Page 26 - แนวทางการจัดทำแผนที่แสดงความลาดชันของพื้นที่จากข้อมูลแบบจำลองระดับสูงเชิงเลขด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
P. 26
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
18
จากการศึกษาคู่มือการเขียนหน่วยแผนที่ดินของส านักส ารวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน
ซึ่งจัดท าขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 พบว่ามีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจ าแนกและจัดชันความลาดชัน
ของคู่มือการส ารวจและออกแบบระบบอนุรักษ์ดินและน้ าในเขตพัฒนาที่ดิน (กรมพัฒนาที่ดิน, 2555)
ซึ่งก าหนดให้จัดท าแผนที่แสงความลาดชันของพื้นที่ด าเนินการ มาตราส่วน 1:4,000 โดยการวิเคราะห์
และจ าแนกความลาดชันของพื้นที่จากข้อมูลแบบจ าลองระดับสูงเชิงเลข (DEM) มาตราส่วน 1:4,000
ด้วยโปรแกรมสารสนเทศภูมิศาสตร์ แล้วจึงน าข้อมูลดังกล่าวมาจัดชั้นความลาดชันเป็น 7 ชั้น ได้แก่
ชั้นความลาดชัน A มีค่าความลาดชันของพื้นที่ 0-2 เปอร์เซ็นต์ ชั้นความลาดชัน B มีค่าความลาดชันของพื้นที่
2-5 เปอร์เซ็นต์ ชั้นความลาดชัน C มีค่าความลาดชันของพื้นที่ 5-12 เปอร์เซ็นต์ ชั้นความลาดชัน D มีค่า
ความลาดชันของพื้นที่ 12-20 เปอร์เซ็นต์ ชั้นความลาดชัน E มีค่าความลาดชันของพื้นที่ 20-35 เปอร์เซ็นต์
ชั้นความลาดชัน F มีค่าความลาดชันของพื้นที่ 35-50 เปอร์เซ็นต์ และชั้นความลาดชัน G มีค่าความลาดชัน
ของพื้นที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
2.4 การวิเคราะห์และจัดท าข้อมูลความลาดชันของพื้นที่ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
2.4.1 การปรับปรุง แก้ไข แผนที่และข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่น ามาใช้การจัดท าแผนที่
แสดงความลาดชันของพื้นที่รายจังหวัด เป็นขั้นตอนที่มีความส าคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ด าเนินการควรตรวจสอบ
ข้อมูลมีความสมบูรณ์ ครบถ้วน ถูกต้องสามารถน ามาใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือ
ข้อมูลไม่ครบถ้วนต้องด าเนินการปรับปรุง แก้ไข ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนที่จะน าไปวิเคราะห์ข้อมูล
ในขั้นตอนต่อไป โดยผู้ปฏิบัติงานจ าเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะความช านาญและสามารถจัดการ
ข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ด้วยเทคนิควิธีการที่เกี่ยวข้องกับงาน GIS ในขั้นพื้นฐาน เช่นการรวมข้อมูล
(Merge) การตัดข้อมูล (Clip) การลบข้อมูล (Erase) ฯลฯ ส าหรับปัญหาส าคัญที่พบในการด าเนินการ
ในครั้งนี้ คือ ข้อมูลแบบจ าลองระดับสูงเชิงเลข และข้อมูลเส้นชั้นความสูงเชิงเลข มาตราส่วน 1:4,000
ข้อมูลบางระวางไม่สมบูรณ์ หรือไม่ถูกต้อง ท าให้ไม่สามารถน ามาวิเคราะห์และจ าแนกความลาดชัน
ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ได้ ซึ่งผู้ด าเนินการต้องตรวจสอบโดยละเอียดในทุกระวางก่อนน ามาผ่าน
กระบวนการโมเสค (Mosaic) หรือเชื่อมต่อให้เป็นผืนเดียวกัน ซึ่งการตรวจสอบและการปรับปรุงแก้ไข
ข้อมูลดังกล่าวนั้นมีขั้นตอนและวิธีการที่มีความยุ่งยาก ซับซ้อน และปัญหาที่พบมีความแตกต่างกัน โดยต้อง
อาศัยความรู้และทักษะความช านาญของผู้ปฏิบัติงาน และผู้ควบคุมโครงการในการตรวจสอบและปรับปรุง
แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเป็นกรณี ๆ ไป
2.4.2 การจัดการโพลีกอนขนาดเล็กจ านวนมากที่เกิดจากการแปลงข้อมูลราสเตอร์ (Raster)
เป็นข้อมูลเวคเตอร์ (Vector) ประเภทรูปปิด (Polygon) ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวจะได้ผลลัพธ์เป็นแฟ้มข้อมูล
ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยจะมีจ านวนของรูปปิดหรือโพลีกอนที่มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันเป็นจ านวนมาก
ปัญหาที่พบคือจะเกิดโพลีกอนหรือรูปปิดขนาดเล็กเป็นจ านวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งเป็นส่วน
ส าคัญที่ท าให้เกิดความยุ่งยากและเป็นอุปสรรคในการจัดการข้อมูลและการน าข้อมูลไปใช้ประโยชน์
ซึ่งผู้ด าเนินการจ าเป็นต้องก าหนดขนาดเนื้อที่ของโพลีกอนที่มีขนาดเล็กที่สุดที่จะถูกขจัด โดยค าสั่ง อีลิมิเนท
(Eliminate) เพื่อการรวมโพลีกอนที่มีขนาดเล็กเหล่านั้นเข้ากับโพลีกอนขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกันหรือโพลีกอน