Page 51 - การพัฒนาและป้องกันการแพร่กระจายพื้นที่ดินเค็มในเขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำลำเสียวน้อยตอนบน - ห้วยกุดแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
42

หลังจากการสับกลบปอเทืองและเกิดการย่อยสลายแล้ว จะช่วยท้าให้ดินร่วนซุยขึ้น มีโครงสร้างดิน
ดีขึ้น ซึ่งเกษตรกรควรปลูกพืชปุ๋ยสดปรับปรุงบ้ารุงดินต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี จึงจะเห็นผลได้ชัดเจน

มากขึ้น (ภาพที่ 16)
จากผลการวิเคราะห์ดินในแปลงส่งเสริมการใช้ปอเทืองปรับปรุงบ้ารุงดิน (ตารางที่ 7)

พบว่า ก่อนด้าเนินการ ดินมีปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ในระดับต่้ามาก (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปริมาณ
ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์อยู่ในระดับต่้า (7 มิลลิกรัมต่อ

กิโลกรัม และ 58 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามล้าดับ) ดินเป็นด่างปานกลาง มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง

เท่ากับ 8.2 ส่วนค่าค่าการน้าไฟฟูาของดินมีค่าเท่ากับ 3.10 เดซิซีเมนต่อเมตร อยู่ในระดับเค็มน้อย
ผลการวิเคราะห์ดินหลังด้าเนินการ พบว่า ปริมาณอินทรียวัตถุ ปริมาณฟอสฟอรัสที่

เป็นประโยชน์ และปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์มีค่าเพิ่มขึ้น โดยมีค่าเท่ากับ 0.52 เปอร์เซ็นต์

11 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ 63 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามล้าดับ ส่วนค่าความเป็นกรดเป็นด่าง และ
ค่าการน้าไฟฟูาของดิน มีค่าลดลง เท่ากับ 7.4 และ 1.65 เดซิซีเมนต่อเมตร

ตารางที่ 7 ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างดินก่อนและหลังปลูกปอเทืองเป็นปุ๋ยพืชสดในแปลงข้าว

ตัวอย่างดิน อินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็น โพแทสเซียมที่เป็น pH การน้า

(% OM) ประโยชน์ ประโยชน์ (Avail.K) (1:1) ไฟฟูา (EC)
(Avail.P) (mg/kg) (mg/kg) (dS/m)

ก่อนด้าเนินงาน 0.43 7 58 8.2 3.10

หลังด้าเนินงาน 0.52 11 63 7.4 1.65

ภาพที่ 16 การปลูกปอเทืองเป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าว