Page 55 - การใช้เทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินในการปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองเพื่อพัฒนาเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด
P. 55
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
41
กิโลกรัม และมีปริมาณผลผลิตที่มีคุณค่าทางการตลาด 68.23 70.93 และ 63.83 เปอร์เซ็นต์ ของ
ผลผลิตทั้งหมด ตามล่าดับ ส่วนกรรมวิธีที่ 4 (ลดการใช้สารเคมี 50 เปอร์เซ็นต์ + สารธรรมชาติที่ผลิต
เป็นการค้า) มีปริมาณผลผลิตต่อไร่ต่่าเพียง 679.94 กิโลกรัม จึงไม่แนะนาให้ใช้วิธีการผลิตแบบ
กรรมวิธีที่ 4 ในการผลิตทุเรียนคุณภาพ
สุนี และคณะ (2546) ท่าการทดลองเปรียบเทียบผลของการจัดการสวนที่มีการใช้สารเคมี
ตามปกติ กับการใช้สารธรรมชาติทดแทนสารเคมีในการผลิตทุเรียนคุณภาพ ภายในสวนทุเรียนพันธุ์
หมอนทองของเกษตรกรในเขต อ. เขาสมิง จ. ตราด ใช้พื้นที่แปลงละประมาณ 5 ไร่ ท่าการทดลอง
ระหว่าง เดือน สิงหาคม 2542 จนถึง ตุลาคม 2545 ผลการทดลองพบว่าหลังจากการปรับใช้สาร
ธรรมชาติในปีแรก ความสมบูรณ์ต้นโดยเฉลี่ยไม่ต่างกันคือ 69.3 และ 71.8 เปอร์เซ็นต์ ในแปลงที่ใช้
สารเคมีและไม่ใช้สารตามล่าดับ แต่หลังจากการไว้ผลผลิตเต็มที่ในปีแรกท่าให้ความสมบูรณ์ของต้น
ทุเรียนในแปลงที่ไม่ใช้สารเคมีลดลงเหลือเพียง 58.1 เปอร์เซ็นต์ ในปีที่ 2 และ3 ส่งผลให้มีต้นตายเมื่อ
สิ้นสุดการทดลอง มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมโรครากและล่าต้นเน่าที่เกิด
จากเชื้อไฟทอปธอร่า (Phytophthora palmivora) ได้ด้วยสารธรรมชาติที่มีอยู่ในปัจจุบัน ท่าให้ต้น
ทุเรียนเป็นโรคไฟทอปธอร่าเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากยังพบว่าการใช้สารจากธรรมชาติท่าให้ต้นทุน
การผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากต้องให้ปัจจัยการผลิตที่มีต้นทุนสูง และถี่กว่า สารเคมี
ดังนั้นในการผลิตทุเรียนด้วยสารจากธรรมชาติน่าจะใช้วิธีผสมผสาน ใช้ในเวลาที่เหมาะสมและ
จ่าเป็นต้องมีการพัฒนาวิธีการจัดการธาตุอาหารพืช ร่วมกับการจัดการศัตรูพืชที่มีประสิทธิภาพไป
พร้อมกัน
อนันต์ และชาลี (2540) รายงานว่า ดินที่เหมาะสมจะท่าการปลูกทุเรียนควรเป็นดินร่วนซึ่ง
เป็นดินที่เหมาะสมที่สุด หรือถ้าเป็นดินร่วนปนทรายก็ต้องมีอินทรียวัตถุปนอยู่ในปริมาณที่มาก และ
ควรเป็นดินลึกตั้งแต่ 1.50 – 2.00 เมตร ลงไป ดินไม่เป็นกรดหรือด่างมากเกินไป ควรมี pH อยู่
ระหว่าง 6-7 ทุเรียนควรใส่ทั้งปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ควบคู่ไปกับปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ควรพรวนดินในบริเวณ
รัศมีทรงพุ่ม เพราะรากฝอย และรากแขนงที่ท่าหน้าที่ดูดอาหารจะมีมากในบริเวณนี้ แล้วท่าการหว่าน
ปุ๋ยรอบ ๆ ทรงพุ่มที่พรวนไว้ จากนั้นสับกลบปุ๋ยอีกครั้งรดน้่าให้ชุ่ม ใช้หญ้าแห้งมาคลุมรอบบริเวณที่ใส่
ปุ๋ย การให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์กับทุเรียนนั้นควรใช้เมื่อทุเรียนอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป โดยให้สูตร 13-13-13
อัตรา 0.5-1.9 กิโลกรัมต่อต้น เมื่อเข้าปีที่ 3 ให้ใส่ 1.5-2.0 กิโลกรัม และเพิ่มจ่านวนปุ๋ยขึ้นไปตามอายุ
ปีของต้นทุเรียน เมื่อเข้าปีที่ 4-5 ทุเรียนจะให้ผล ใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 ใส่ต้นละอย่างน้อย 2 กิโลกรัม
โดยใส่ก่อนทุเรียนออกดอกประมาณ 2 เดือน จะช่วยให้ทุเรียนออกดอกดีขึ้น โรคที่ส่าคัญของทุเรียน
ได้แก่ โรครากเน่าโคนเน่า เกิดจากเชื้อราจะแสดงอาการบริเวณโคนต้นใกล้พื้นดิน เกิดเป็นจุดสีด่า
และมีน้่าซึมออกมา แผลจะขยายใหญ่ขึ้น โดยโรคจะเกิดกับรากใต้ดินด้วย ใบทุเรียนจะมีอาการ
ใบเหลือง และร่วง ท่าให้ต้นตายในที่สุด ซึ่งการป้องกันจะใช้มีดปาดส่วนที่เป็นโรคออก ทายาฆ่าเชื้อรา
หรือใช้ยา Santa A นอกจากนี้ถ้าท่าการปลูกต้นใหม่ให้หาต้นตอทุเรียนป่าซึ่งจะมีความต้านทานโรค
ได้ดี ส่าหรับแมลงศัตรูพืชที่ส่าคัญ ได้แก่เพลี้ยต่าง ๆ เช่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยหอย โดยจะ
เกาะอยู่ตามยอดอ่อน และก้านใบ ป้องกันก่าจัดโดยใช้ยามาลาไธออน พาราไธออน หรือเซวิน 85 ฉีด
พ่น โดย ในปีต่อๆ ไป ควรดูแลรดน้่าให้ต้นไม้ผลอย่างสม่่าเสมอ และ ในช่วงฤดูแล้งควรใช้วัสดุคลุมดิน