Page 29 - การจัดการปุ๋ยหมักและปุ๋ยชีวภาพร่วมกับน้ำหมักชีวภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตมะละกอฮอลแลนด์ในดินทราย
P. 29

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน





                                                                                                       19


                       ปุ๋ยเคมีมีปริมาณไม่แตกต่างกันกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพเท่ากับ 138.00 และ135.00 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
                       ตามล าดับ  ส่วนการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวปลดปล่อยไนโตรเจนต่ าที่สุด 121.00  มิลลิกรัมต่อ
                       กิโลกรัม  นอกจากนี้  จากการเปรียบเทียบกิจกรรมจุลินทรีย์ดินที่ผลิตเอนไซม์ปลดปล่อยธาตุอาหาร
                       จากการใช้ปุ๋ยชีวภาพจะมีประสิทธิภาพการผลิตเอนไซม์ 29.00 เปอร์เซ็นต์  มากกว่าการใช้ปุ๋ยหมัก

                       ร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมีผลิตเอนไซม์ 27.00  เปอร์เซ็นต์  ตามล าดับ  จากการทดลองนี้  หากปรับปรุง
                       บ ารุงดินจากการใช้ปุ๋ยหมัก  หรือปุ๋ยชีวภาพจะมีความเหมาะสมในการปลูกมะละกอในดินทราย  ซึ่ง
                       จะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุ  ธาตุอาหารปรับปรุงบ ารุงดินได้  สอดคล้องกับการศึกษา Chang  et  al.
                       (2007)  ทดสอบการใช้ปุ๋ยหมักชนิดต่างๆ ที่มีปริมาณไนโตรเจนเท่ากับการใส่ปุ๋ยเคมีไนโตรเจน 43.20

                       กิโลกรัมต่อไร่  และเพิ่มปริมาณเป็น 2 3 และ 4 เท่า  โดยใส่ทุกๆ ปี ระยะเวลา 3 ปี  พร้อมกับการ
                       ปลูกผักชนิดต่างๆ 24 ฤดูปลูก  ภายใต้สภาพโรงเรือน  พบว่า  การใช้ปุ๋ยหมักสามารถเพิ่มอินทรียวัตถุ
                       ในดินมากที่สุด  อยู่ระหว่าง 3.14 – 5.30 เปอร์เซ็นต์  มากกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว  และไม่
                       ใส่ปุ๋ยเคมีมีอินทรียวัตถุในดิน 2.66  และ 2.51  เปอร์เซ็นต์  ตามล าดับ  เพิ่มปริมาณฟอสฟอรัสอยู่

                       ระหว่าง 168  –  294  มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม  และโพแทสเซียมอยู่ระหว่าง 141  –  613  มิลลิกรัมต่อ
                       กิโลกรัม  ส่วนการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวมีปริมาณฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมเท่ากับ 167  และ
                       114  มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม    ตามล าดับ   เปรียบเทียบกับการไม่ใส่ปุ๋ยเคมีมีปริมาณฟอสฟอรัสและ

                       โพแทสเซียมต่ าที่สุด  เท่ากับ 135 และ 74 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม  ตามล าดับ
                              2.2 ปริมาณฟอสฟอรัสในดิน  จากการทดลองพบว่า  ปริมาณฟอสฟอรัสในดินมีความ
                       แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญยิ่งทางสถิติจากการใช้ปุ๋ยหมัก  ร่วมกับปุ๋ยเคมีครึ่งหนึ่งตามค าแนะน า
                       (ต ารับที่ 8) มีปริมาณมากที่สุด  ไม่แตกต่างกับการใช้ปุ๋ยหมักเพียงอย่างเดียว (ต ารับที่ 4)  และต ารับ
                       การใช้ปุ๋ยหมัก  ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะน า (ต ารับที่ 6) มีปริมาณฟอสฟอรัสในดินเพิ่มขึ้นเท่ากับ

                       2,001 1,996 และ 1,943 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม  ตามล าดับ  ปริมาณสูงกว่าการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพียง
                       อย่างเดียว  หรือใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราตามค าแนะน า  หรือใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งตาม
                       ค าแนะน า (ต ารับที่ 3 5 และ 7)  มีปริมาณฟอสฟอรัสในดินเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 322 – 659 มิลลิกรัม

                       ต่อกิโลกรัม  และการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว (ต ารับที่ 2)  ส่วนการไม่ใส่ปัจจัยใดๆ (ต ารับที่ 1) มี
                       ปริมาณฟอสฟอรัสในดินเท่ากับ 140 และ 24 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม  ตามล าดับ  ดังตารางที่ 1
                              2.3 ปริมาณโพแทสเซียมในดิน  จากการทดลองพบว่า  ปริมาณโพแทสเซียมในดินมีความ
                       แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติทุกต ารับการทดลองที่มีการใช้ปุ๋ยหมัก  ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตรา

                       แนะน า (ต ารับที่ 6) มีปริมาณโพแทสเซียมในดินสูงสุด 296 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม  แต่ไม่แตกต่างกัน
                       เมื่อเปรียบเทียบกับต ารับที่ใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งตามค าแนะน า (ต ารับที่ 8)  และปุ๋ยหมัก
                       เพียงอย่างเดียว (ต ารับที่ 4)  มีปริมาณ 251 และ 235 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม  ตามล าดับ  ปริมาณไม่
                       แตกต่างจากต ารับที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพเพียงอย่างเดียว  หรือใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะน า  หรือใส่ปุ๋ยเคมี
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34